การลงทุนผ่านกองทุนรวม เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงิน นับว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของนักลงทุน แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนที่วางไว้ แม้ว่ากองทุนรวมจะบริหารโดยมืออาชีพ
โจทย์ใหญ่ของนักลงทุนผ่านกองทุนรวม ท่ามกลางความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนในปัจจุบัน คือ จะมั่นใจได้แค่ไหนว่ากองทุนรวมให้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่วางไว้
ปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายในการวิเคราะห์การลงทุน จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมและสถาบันการเงิน แต่ล่าสุด WealthMagik ซึ่งให้บริการเครื่องมือการลงทุน ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าขายหน่วยลงทุน(บลน.) เว็ลธ์ เมจิก จำกัด ซึ่งเป็นบลน.รายแรกของไทย เตรียมเปิดบริการเทคโนโลยีในระดับพรีเมี่ยมที่เรียกว่า “Wealth Service”
ทาง WealthMagik บอกว่าเป็นบริการระดับพรีเมี่ยม ซึ่งในส่วนนี้จะมีบริการหลายตัวที่เป็นเครื่องมือในการบริหารพอร์ตลงทุนด้วยตัวเองระดับมืออาชีพ
รูปร่างหน้าตาของ Wealth Health Check เป็นอย่างไร และมีอะไรเด็ดในเครื่องมือตัวนี้ที่ช่วยบริหารพอร์ตลงทุนด้วยตัวเอง
เมื่อสมัครหรือเปิดบัญชีกับทาง WealthMagik และเข้าใช้ Wealth Health Check ซึ่งในขั้นตอนแรก ผู้ใช้บริการต้องประเมินความเสี่ยงและแผนทางการเงินของตัวเอง
ในขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารพอร์ตทั้งหมด ซึ่งหากสามารถประเมินความเสี่ยงของตัวเองได้อย่างถูกต้องและวางเป้าหมายของแผนการเงินที่ชัดเจน ก็ถือเป็นต้นทางของการบริหารพอร์ตต่อไปได้
การประเมินความเสี่ยงมีลักษณะเดียวกับที่หลายๆสถาบันการเงินทั่วๆไปใช้กัน เพียงแต่การประมินความเสี่ยงของ Wealth Health Check จะช่วยให้บริหารและตรวจพอร์ตลงทุนด้วยตัวเอง
นักลงทุนที่เปิดบัญชีอยู่แล้วและคุ้นเคยกับเครื่องมือของ WealthMagik ก็จะทราบอยู่แล้วว่า WealthMagik เป็นบลน.รายแรก ซึ่งหากมีบัญชีอยู่แล้วก็สามารถซื้อขายเกือบทุกกองทุนรวมที่มีอยู่ในประเทศ
บริการ Wealth Health Check เริ่มจากการสำรวจดูว่าพอร์ตลงทุนมีกองทุนรวมประเภทไหน และมีอัตราผลตอบแทนเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับกองทุนรวมประเภทเดียวกัน
การตรวจพอร์ตลงทุนจะเป็นข้อมูลอัพเดทเรื่องราคา และยังสามารถเพิ่มกองทุนเข้าไปในพอร์ตได้
หลังจากนั้นระบบจะคำนวณกองทุนทั้งหมดในพอร์ต แบ่งเป็นประเภทตามกองทุน รวมทั้งมีการคำนวณผลตอบแทนต่อปีของแต่ละกองทุน โดยมีการเปรียบเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกันให้ด้วยว่ากองทุนที่มีอยู่ในพอร์ตนั้นอยู่ระดับไหน ซึ่งจะมีข้อมูลที่เรียกว่า “Top Return” ซึ่งเป็นบริการของ WealthMagik ในการจัดอันดับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดย้อนหลัง 3 ปี
ขั้นตอนต่อไป คือ การตรวจสุขภาพพอร์ตของตัวเองว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ทุกด้านของพอร์ตลงทุนทั้งหมด และยิ่งกว่านั้นคือวัดผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งตัวอย่างรูปร่างหน้าตาของการตรวจสอบสุขภาพพอร์ตลงทุน ดังนี้
ตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะจะทำให้นักลงทุนรู้ว่ากองทุนรวมในพอร์ตของตัวเองแต่ละประเภทนั้น มีผลตอบแทนเป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนรวมประเภทเดียวกัน ซึ่งระบบจะประเมินผลตอบแทนของพอร์ตทั้งหมดออกมา
ขั้นตอนต่อไป เป็นการประเมินความเสี่ยงของนักลงทุนและการวางแผนการเงิน
ผู้ลงทุนจะต้องมีการประเมินการประเมินความเสี่ยงและกรอกรายละเอียดแผนการเงิน(Financial Plan) โดยจะเป็นรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการวางแผนการเงินว่าต้องการเกษียณอายุเท่าไร และการคาดการณ์อายุขัยของนักลงทุน
นอกจากนี้ ยังต้องกรอกข้อมูล สถานะการลงทุนในปัจจุบันสำหรับคนที่มีพอร์ตลงทุนแล้ว การคาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้หลังเกษียณ เงินลงทุนต่อปี เป็นต้น
เมื่อใส่รายละเอียดของพอร์ตลงทุนแล้ว ก็มาดูผลการ”ตรวจสุขภาพพอร์ตลงทุน” ซึ่งแสดงด้วยกราฟให้เห็นว่าพอร์ตลงทุนดีแค่ไหน
กรณีนี้ เป็นกราฟแสดงให้เห็นว่าพอร์ตลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งตั้งแต่เริ่มมีการประเมินความเสี่ยงและเป้าหมายลงทุน ได้กำหนดเป้าหมายทางการเงินให้พอร์ตลงทุนมีผลตอบแทน 8.98% แต่ปรากฏว่าผลตอบแทนอยู่ระดับ 4.27% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระดับความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่ระดับ 3 นั้น ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการได้
วิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ระดับ 8.98% คือ ต้องมีการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น นั่นหมายถึง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจากตัวอย่างด้านบน ต้องปรับระดับความเสี่ยงที่ระดับ 5
การปรับพอร์ตลงทุนใหม่ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นและบรรลุเป้าหมายทางการเงิน พอร์ตลงทุนต้องมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อาทิ ปรับลดกองทุนรวมตราสารหนี้ ไปลงทุนกองทุนรวมตราสารทุน เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามหลัก “High Risk High Return” นั่นเอง
แต่จะเลือกกองทุนรวมอย่างไร เพื่อให้การปรับพอร์ตเป็นไปตามเป้าหมาย?
ขั้นตอนแรก หากต้องการปรับพอร์ตเพื่อให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ความเสี่ยงเท่าเดิม ก็อาจไปเลือกกองทุนประเภทเดียวกัน แต่เป็นกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าที่ถืออยู่ โดยสามารถย้ายกองทุน
แต่หลังจากปรับพอร์ตในระดับความเสี่ยงเท่าเดิมแล้ว ผลตอบแทนยังต่ำกว่าเป้าหมายทางการเงิน ก็อาจปรับพอร์ตอีกประเภทด้วยการเพิ่มความเสี่ยงการลงทุน โดยโยกไปลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ทาง WealthMagik มีเครื่องมือ WealthMagik Ranking หรือ เครื่องมืออื่น เช่น Magik Wand ซึ่งเป็น robot adviser ช่วยเลือกเฟ้นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์(Set Index) เพื่อช่วยในการปรับพอร์ตการลงทุนให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้
ตรงนี้ ในเครื่องมือชุดนี้ จะมีกราฟจากการตรวจสุขภาพพอร์ตลงทุนว่าพอร์ตอยู่ตรงจุดไหน และมีโอกาสให้ผลตอบแทนได้สูงสุด หรือที่เรียกว่า เส้นกราฟพอร์ตกองทุนที่มีประสิทธิภาพ(Efficient Frontier) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่พอร์ตลงทุนจะให้ผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนไม่ต้องการเพิ่มระดับความเสี่ยง โดยไม่มีการปรับพอร์ตมีอีกทางคือลดเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งนั่นหมายถึงผลตอบแทนจะลดลงไปด้วย
สำหรับคนลงทุนกองทุนรวมที่สนใจ สามารถติดตามได้ทางเวบไซต์ WealthMagik เปิดให้บริการวันจันทร์ที่ 18 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นเครื่องมือระดับ “พรีเมี่ยม”ที่เคยมีบริการราคาแพง สำหรับนักลงทุนรายใหญ่จากสถาบันการเงินเท่านั้น
ลองเข้าไปดูว่าจะ "พรีเมี่ยม" แค่ไหน และช่วยตอบโจทย์การลงทุนได้หรือไม่
>> คลิกเลย