เศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัว แนวโน้มเติบโตของหุ้นขนาดเล็กน่าสนใจ จากการเติบโตของภาคบริโภคในประเทศและมาตรการภาครัฐหนุนบริษัทขนาดเล็กเติบโตสูง บลจ.วี มองเป็นจังหวะลงทุน เปิดขาย IPOกองทุนเปิด วี ไชน่า โกรท (WE-CHIG) ระหว่างวันที่ 31 ก.ค. -11 ส.ค. 2563 เน้นคัดเลือกลงทุนหุ้น Innovative คุณภาพดีโดยทีมคัดเลือกหุ้นของ Matthews Asia ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดหุ้นจีน ชูผลตอบแทนย้อนหลังโดดเด่น แนะเป็นจังหวะลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า หลังจากการระบาดของ COVID-19 ไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาและใช้มาตรการปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ ปัจจุบันเริ่มมีการเปิดให้กลับมาดำเนินกิจกรรมได้แล้ว โดยเฉพาะประเทศจีนที่กลับมาดำเนินกิจกรรมเศรษฐกิจเป็นประเทศแรกและเริ่มเห็นการพลิกฟื้นของภาคธุรกิจที่สำคัญ เช่น ค้าปลีก อุตสาหกรรมการผลิต รวมไปถึงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ผ่านนโยบายการเงิน ทั้งปรับลดอัตราการกันเงินสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio : RRR) การให้สินเชื่อแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลดีต่อภาคการผลิต การบริการและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางแก่สถาบัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ช่วยให้ภาคธุรกิจมีต้นทุนทางการเงินลดลงจากเม็ดเงินที่เข้าสู่ระบบสินเชื่อมากขึ้น และนโยบายการคลัง มีการอัดฉีดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีก 2.5 –2.8 ล้านล้านหยวน, การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วยการออกพันธบัตรพิเศษและพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ยังคิดเป็นเพียง 6% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนประมาน 13% ของจีดีพี ดังนั้นจีนยังสามารถในการใช้เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกในอนาคต ทั้งนี้การเติบโตของเศรษฐกิจจีนปัจจุบันเกิดจากอุตสาหกรรมภาคบริการและการบริโภค อาทิเช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, การเงิน, ค้าส่งและค้าปลีก, การขนส่ง, การแพทย์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ของจีนและมีสัดส่วนการเติบโตต่อ จีดีพี ที่สูงนอกจากนี้ ในการเติบโตของเศรษฐกิจจีน กลุ่มบริษัทขนาดกลางและเล็กเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน โดย 60% ของจีดีพีจีนมาจากกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก รวมถึงในแง่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การจดสิทธิบัตร และการจ้างงานในเขตเมืองส่วนใหญ่มาจากกลุ่มบริษัทดังกล่าว ทำให้รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในแง่ Valuation หุ้นจีนในกลุ่มดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มการเติบโตของกำไรจากปัจจัยพื้นฐานการเติบโตจากภาคการบริโภคในประเทศจีนเป็นหลักในภาวะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศยังคงถูกกดดันจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส บลจ.วี มีมุมมองการลงทุนในหุ้นจีนว่าเป็นจังหวะในการลงทุนแบบการคัดเลือกหุ้นรายตัวที่มีการเติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจภาคบริการและการบริโภค จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด วี ไชน่า โกรท(WE CHINA GROWTH FUND : WE-CHIG) ระหว่างวันที่ 31 ก.ค. -11 ส.ค. 2563 โดยใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นรายตัวโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญและใกล้ชิดกับตลาดหุ้นจีนโดยตรง ผ่านกองทุน Matthews Asia-China Small Companies Fund ซึ่งบริหารโดย MatthewsInternational Capital Management, LLC ที่มีความแข็งแกร่งของทีมวิเคราะห์หุ้นของตนเองโดยตรง และมีประสบการณ์กว่า 25 ปี ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในบริษัทDisruptors ที่มีนวัตกรรมและการเติบโตจากความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งบริษัทดังกล่าวมักเป็นหุ้นจดทะเบียนขนาดเล็ก โดยกองทุนเน้นคัดเลือกหุ้นบริษัทจดทะเบียน 40-60 ตัว ที่มีธุรกิจโดดเด่น มีการเติบโตของรายได้ (Revenue Growth) มากกว่า 10% การเติบโต Return on Invested Capital (ROIC) มากกว่า 10% และมีความแข็งแกร่งของเงินทุน โดย D/E ratio ต่ำ กว่า 0.5% ซึ่งกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นดังกล่าว นอกจากจะมีแนวโน้มการเติบโตตามทิศทางเศรษฐกิจจีนแบบใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจรวมทั้งมีความได้เปรียบในการแข่งขันแล้ว ยังมีความต้านทานความผันผวนของตลาดได้ดี สะท้อนจากผลการดำเนินงานกองทุนในช่วงที่ตลาดได้รับผลกระทบ เช่น ในปี 2015 หรือในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส เป็นต้น ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลตอบแทน ณ วันที่ 30มิ.ย. 2563 กองทุนหลักให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนที่ 12.72% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 37.99% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 71.81%ย้อนหลัง 3 อยู่ที่ 27.07% ย้อนหลัง 5 ปี 17.27% และผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 14.90% เทียบกับดัชนีMSCI China Small Cap Index อยู่ที่ 11.13% , 13.18%, -1.75%, -2.99%, -1.15%, -4.44%และ 2.25% ตามลำดับ* นายอิศรา กล่าวว่า บลจ.วี มองว่า ศักยภาพในการเติบโตที่สูงขึ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กในจีน มีความน่าสนใจจากความสามารถในการสร้างโอกาสรับตอบแทนได้สูง ทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง อีกทั้งระดับราคา (Valuation)ที่ยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จักมากและมีความผันผวนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นจีนโดยรวม การลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของจีนผ่าน “กองทุน WE-CHIG” จึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากอุตสาหกรรมเทคโนลียี , สุขภาพ , การบริการและอุปโภคบริโภค ที่สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังกลับมาเติบโตจากมาตรการภาครัฐและการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (“บลจ.วี”) โทรศัพท์ 02-648-1111 หรือตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนของ บลจ.วี ได้แก่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย), บล.หยวนต้า , บล.โนมูระ, บล.เคจีไอ, บล.เอเชียเวลท์, บล.ฟิลลิป, บล.กรุงศรี, บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์, บลน.โรโบเวลธ์, บลน.ฟินโนมินา, บลน.เวลท์ รีพับบลิคและ บลน.เว็ลธ์เมจิก ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน