Thailand Web Stat

บลจ.กสิกรไทย เดินหน้ารุกผู้นำดิจิตอลแพลตฟอร์ม

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยถึงเป้าหมายและกลยุทธ์ของบริษัทในปี 2561 นี้ว่า บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจกองทุนด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงช่องทางการให้บริการและเครื่องมือช่วยการลงทุนต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยบลจ.กสิกรไทยถือเป็นบลจ.แห่งแรกที่มุ่งยกระดับการลงทุนไปสู่ดิจิตอลแพลตฟอร์ม โดยเริ่มต้นจากพัฒนาช่องทางการให้บริการผ่านระบบดิจิตอล ตลอดจนวางแนวคิดไปสู่การเป็นผู้ให้คำแนะนำการลงทุนผ่านระบบดิจิตอล (Robo-Advisor) ซึ่งในปีนี้ยังคงสานต่อกลยุทธ์ดังกล่าว โดยการชูคอนเซ็ปต์ “Digital Wealth Platform 4.0” เพื่อต่อยอดการนำนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาช่วยทำการลงทุนให้เป็นเรื่องง่าย เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ให้ลูกค้าลงทุนอย่างมั่นใจพร้อมได้รับผลตอบแทนที่เต็มศักยภาพของตนเอง “ด้วยทิศทางการขยายตัวของอุตสาหกรรมการลงทุน ประกอบกับปริมาณข้อมูลการลงทุนที่มีอยู่จำนวนมาก กลยุทธ์ในการบรรลุเป้าหมายของบริษัทจึงอยู่ที่การบริหารจัดการด้านข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งภาระกิจหลัก 3 อย่างที่ต้องทำ คือ การสร้างกระบวนการจัดการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและถูกต้องแม่นยำ (Effective & Precise Investment) การสร้างผลิตภัณฑ์กองทุนที่มีคุณภาพให้มีผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอ (High Quality Products) และการสร้างเครื่องมือที่ทันสมัยพร้อมช่วยให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมแก่ลูกค้า (Smart Advisor) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดให้บริการแอปพลิเคชัน K-My Funds และ K-My PVD” นายวศินกล่าว การพัฒนาช่องทางดิจิตอลดังกล่าว ทำให้บลจ.กสิกรไทยมีจำนวนลูกค้ากองทุนรวมที่ลงทุนผ่านช่องทางดิจิตอลเพิ่มขึ้น ซึ่ง ณ สิ้นปี 2560 มีลูกค้ากองทุนรวมที่ลงทุนผ่านช่องทางดิจิตอล (Digital-based Users) คิดเป็น 30% จากจำนวนลูกค้ากองทุนรวมทั้งหมด ซึ่งถือว่าสูงสุดในอุตสาหกรรม ซึ่งเมื่อคิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการผ่านช่องทางดิจิตอล (Digital-based AUM) จะอยู่ที่ราว 21% ของ AUM กองทุนรวมทั้งหมด ส่วนเป้าหมายในปี 2561 นี้ ตั้งเป้าหมายฐานลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางดิจิตอล เพิ่มขึ้นอีกเป็น 50% ของจำนวนลูกค้ากองทุนรวมทั้งหมด ส่วนเป้าหมาย Digital-based AUM เพิ่มขึ้นอีกเป็น 30% ของ AUM กองทุนรวมทั้งหมด ด้านผลการดำเนินงานในปีผ่านมา บลจ.กสิกรไทยเติบโตอยู่ที่ 5% ซึ่ง ณ สิ้นปี 2560 มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1.30 ล้านล้านบาท แยกเป็นรายธุรกิจในส่วนกองทุนรวมอยู่ที่ 1.01 ล้านล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 1.73 แสนล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 1.17 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดจำแนกตามธุรกิจอยู่ที่ 20.1%, 16.0% และ13.9% ตามลำดับ ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขณะที่กองทุนส่วนบุคคล มีตัวเลขเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบทั้ง 3 ธุรกิจ โดยเติบโตที่ 29.3 % (ข้อมูล ณ 29 ธ.ค.60)