นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 24-30 พฤษภาคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ของไทยและสิงคโปร์ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% ทั้งนี้คาดว่าในเบื้องต้นจะลงทุนภายในประเทศประมาณ 50% และใน REITs ของสิงคโปร์ประมาณ 50% และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยทั้งกองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs มีมูลค่าตลาดรวมกันถึง 3.84 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.86% ของมูลค่าทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการเติบโตถึงกว่า 50% สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอุปสงค์และอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2011-2015) กองทุนประเภทนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ยสูงถึง 12.84% ต่อปี ในขณะที่ปัจจุบัน ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนอสังหาฯ และกองทุน REITs ของไทย ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมาณ 5 – 6% ซึ่งมาจากผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากเงินปันผลเป็นหลัก ส่วนธุรกิจทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือ REITs ในประเทศสิงค์โปร์ ปัจจุบันเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่ากองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs อื่นๆในภูมิภาค แม้อยู่ในช่วงที่ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย อีกทั้งระยะเวลาเช่าของทรัพย์สินที่ยาวนานเฉลี่ยถึง 80 ปี บวกกับการบริหารจัดการที่ดี และที่สำคัญคือ มีสภาพคล่องสูงกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับกองทุนอสังหาฯ ในไทย ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังกองทุนอสังหาฯ ทั้งประเทศไทยและสิงคโปร์ จึงช่วยให้การจัดพอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “ปัจจัยที่ทำให้กองทุนอสังหาฯ และกอง REITs ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากนักลงทุน เนื่องมาจากในภาวะที่ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนและสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ลงทุนมีความต้องการลงทุนในภาคอสังหาฯ เพิ่มขึ้น ในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอแม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยรายได้หลักของกองทุนอสังหาฯ และกอง REITs จะมาจากกระแสเงินสดที่ได้รับจากค่าเช่า รวมถึงผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเพิ่มจากแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว”นางสาวธิดาศิริกล่าว ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน K-PROP สามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888