การตั้งค่าคุกกี้

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา

คุกกี้เป็นไฟล์เล็กๆ ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูล โดยจะบันทึกลงไปในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของลูกค้า ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ที่ลูกค้าเลือกใช้ ในขณะที่ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ลูกค้าสามารถยอมรับหรือปฏิเสธการใช้งานคุกกี้ได้ โดยการปรับการตั้งค่าในเบราว์เซอร์... 

Always Active

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ทุกส่วน คุกกี้ประเภทนี้จะถูกจัดเก็บและลบออกหลังจากการท่องเว็บไซต์ของลูกค้า

คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการจดจำลูกค้าเมื่อลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ อีกครั้ง สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ จัดเนื้อหาที่เหมาะสำหรับลูกค้าได้ ทักทายลูกค้าด้วยชื่อ และจดจำค่าที่ลูกค้าเลือกได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถวัดผลการทำงาน โดยประมวลผลจาก จำนวนหน้าที่ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ ตลอดจนจำนวนลักษณะเฉพาะกลุ่มของผู้เยี่ยมชม โดยข้อมูลดังกล่าวจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม และบริษัทฯ จะนำผลลัพธ์ดังกล่าวไปใช้ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการ และการใช้งานของผู้เยี่ยมชมให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้ประเภทนี้จะจดจำการเข้าหน้าเว็บไซต์ จุดเยี่ยมชมและสนใจของลูกค้า ข้อมูลที่ได้นี้จะนำไปประกอบการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ และนโยบายทางการตลาดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุน K-PROP ลุยธุรกิจอสังหาฯ ในไทยและสิงคโปร์

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 24-30 พฤษภาคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ของไทยและสิงคโปร์ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% ทั้งนี้คาดว่าในเบื้องต้นจะลงทุนภายในประเทศประมาณ 50% และใน REITs ของสิงคโปร์ประมาณ 50% และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยทั้งกองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs มีมูลค่าตลาดรวมกันถึง 3.84 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.86% ของมูลค่าทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการเติบโตถึงกว่า 50% สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอุปสงค์และอุปทานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2011-2015) กองทุนประเภทนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ยสูงถึง 12.84% ต่อปี ในขณะที่ปัจจุบัน ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนอสังหาฯ และกองทุน REITs ของไทย ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ประมาณ 5 – 6% ซึ่งมาจากผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากเงินปันผลเป็นหลัก ส่วนธุรกิจทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือ REITs ในประเทศสิงค์โปร์ ปัจจุบันเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่ากองทุนรวมอสังหาฯ และ REITs อื่นๆในภูมิภาค แม้อยู่ในช่วงที่ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย อีกทั้งระยะเวลาเช่าของทรัพย์สินที่ยาวนานเฉลี่ยถึง 80 ปี บวกกับการบริหารจัดการที่ดี และที่สำคัญคือ มีสภาพคล่องสูงกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับกองทุนอสังหาฯ ในไทย ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังกองทุนอสังหาฯ ทั้งประเทศไทยและสิงคโปร์ จึงช่วยให้การจัดพอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “ปัจจัยที่ทำให้กองทุนอสังหาฯ และกอง REITs ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากนักลงทุน เนื่องมาจากในภาวะที่ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนและสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ลงทุนมีความต้องการลงทุนในภาคอสังหาฯ เพิ่มขึ้น ในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอแม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยรายได้หลักของกองทุนอสังหาฯ และกอง REITs จะมาจากกระแสเงินสดที่ได้รับจากค่าเช่า รวมถึงผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเพิ่มจากแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว”นางสาวธิดาศิริกล่าว ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน K-PROP สามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888