นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน1 (KTSIV3M1) อายุ 3 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 8 เมษายน 2559 และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน 1 อายุ 6 เดือน (KTSIV6M1) เสนอขายถึงวันที่ 12 เมษายน 2559 โดยทั้ง 2 กองทุนเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 1.40%ต่อปี ผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า กองทุนเปิดเคแทม โกลบอล แม็คโคร ออพเพอทูนิตี้ ฟันด์ (KT-GMO) ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยในช่วงที่เปิดจำหน่าย IPO มียอดเงินลงทุนเข้ามาประมาณ 800 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ1,000 ล้านบาทและขณะนี้บริษัทได้เปิดจำหน่ายรอบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2559 เป็นต้นไป หากนักลงทุนที่สนใจซื้อหน่วยลงทุน สามารถซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย โบรกเกอร์ต่างๆ ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ และบลจ.กรุงไทย เงินลงทุนขั้นต่ำ 550,000 บาท ทั้งนี้ สาเหตุที่กองทุน KT-GMO ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากการวางเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์การลงทุนของกองทุนรวมหลัก JP Morgan Investment Funds- Global Macro Opportunities Fund ที่จะเน้นบริหารในการสร้างผลตอบแทนให้เป็นบวกในทุกสภาวะตลาด รวมถึงการควบคุม ความผันผวนจากการบริหารกองทุนรวมหลัก ให้ไม่เกิน 6-10% และเน้นป้องกันความเสี่ยงจากตลาดขาลง ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 กองทุนรวมหลักสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย3ปีย้อนหลังอยู่ที่ 11.86% ต่อปี และ ค่าความผันผวนเฉลี่ย (ต่อปี) 3 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 7.13% และยังได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar 5 ดาว อีกด้วย กองทุนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ซบเซาและการลงทุนมีความผันผวนสูง ส่วนอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศอายุคงเหลือตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปมีการปรับตัวลดลงตามแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศ ตามกระแสเงินลงทุนไหลเข้าเพื่อหวังผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวโน้มที่จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ ประกอบกับเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลกและตราสารหนี้ออกใหม่ที่มีน้อยกว่าความต้องการลงทุน โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิจำนวน 41,034 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps.มาอยู่ที่ 1.37% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps.มาอยู่ที่ 1.49% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 21 bps. มาอยู่ที่1.63% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ