ทิสโก้แนะนำให้ลูกค้าเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าปัจจัยพื้นฐานของจีนยังแข็งแกร่ง รัฐบาลยังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยยกระดับ Valuation หุ้นจีน โดยเรามีมุมมองว่าหุ้นจีน H-Shares (ฮ่องกง) มีความน่าสนใจกว่า A-Shares (จีนแผ่นดินใหญ่) เนื่องจาก Valuation (PE) ที่ยังต่ำกว่ามาก โดย 1 ปีทีผ่านมา A-Shares ปรับขึ้นมาแล้วถึงกว่า 136% ในขณะที่ H-Shares เพิ่งเริ่มปรับตัวขึ้นมาได้เพียงประมาณ 33% และยังมีโอกาสขึ้นต่อได้อีกมาก เราจึงแนะนำให้ Overweight หุ้นจีน H-Shares โดยแม้ในเดือนที่ผ่านมาหุ้นจีนมีความผันผวนและปรับฐานลงมาจากประเด็นเรื่องกรีซ แต่เรามองว่าเป็นการปรับฐานในระยะสั้นๆ เท่านั้น นักลงทุนไม่ควรย้ายพอร์ตหุ้นจีนหรือขายออก แต่แนะนำให้ใช้โอกาสนี้เข้าลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน” โดยปัจจุบัน กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้ ได้รับความสนใจอย่างมาก จนมีขนาดใกล้เต็มมูลค่าโครงการเดิม เราจึงเพิ่มเงินทุนอีก 1,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและนักลงทุน” นายสาห์รัช กล่าว ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้” จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนในหุ้นจีน (H-Shares) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprises โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ไม่กำหนดอายุโครงการ สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center 02-633-6000 กด 4 ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้