นายสมิทธ์ พนมยงค์ CEO บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนที่สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ลงทุนและได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะ SCBGPLUS และ SCBPLUS ซึ่งนับตั้งแต่เปิดเสนอขายมีเม็ดเงินไหลเข้ามารวมกันแล้วกว่า 33,300 ล้านบาท (ณ วันที่ 11 ก.ค. 2559) ทั้งสองกองทุนดังกล่าวถือเป็นกองทุนประเภท Multi-Asset Income ที่มีนโยบายผสม และมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เน้นบริหารเพื่อสร้างรายได้และมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สำหรับ SCBGPLUS นับตั้งแต่เริ่มเสนอขายครั้งแรกวันที่ 26 ม.ค.-1 ก.พ. 59 ด้วยมูลค่า 5,000 ล้านบาท และได้มีการจดทะเบียนเพิ่มทุนอีก 3 ครั้ง จนทำให้ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 30,000 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 11 ก.ค. 59 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 17,300 ล้านบาท ขณะเดียวกันกองทุนยังได้มีการรับซื้อคืนอัตโนมัติหน่วยลงทุน (Auto redemption) เป็นรายเดือนจากผู้ถือหน่วยลงทุนไปแล้วจำนวน 5 ครั้ง รวม 0.2552 บาทต่อหน่วย ตามนโยบายกำหนดไม่เกินปีละ 12 ครั้ง ซึ่งกองทุนนี้สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ทั้งนี้ SCBGPLUS มีนโยบายเน้นลงทุนต่างประเทศ ผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Deutsche Invest I Multi Opportunities: Share Class USD LDMH ในสกุลเงิน USD บริหารโดย Deutsche Asset & Wealth Management ซึ่งกองทุนจะลงทุนอย่างน้อย 51% ของมูลค่าสินทรัพย์ในหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทต่างๆ อาทิ กองทุนตราสารทุน กองทุนผสม กองทุนตราสารหนี้และกองทุนตลาดเงิน เป็นต้น นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย CIO กล่าวว่าในส่วนของ SCBPLUS นั้น เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนสินทรัพย์ภายในประเทศ โดยเน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชน และกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศและอาจลงทุนหุ้นในประเทศเพื่อรับเงินปันผล โดยมีการจดทะเบียนเพิ่มทุนอีก 4 ครั้ง นับจากการเปิดเสนอขายครั้งแรกและปิดเสนอขายภายในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 59 ที่ผ่านมาด้วยยอดขายเกินกว่ามูลค่าโครงการที่ 5,750 ล้านบาท โดยในปัจจุบันกองทุน SCBPLUS มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 15,550 ล้านบาท และ ณ วันที่ 11 ก.ค. 59 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 15,900 ล้านบาท ขณะเดียวกันกองทุนยังได้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto redemption) จากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้วจำนวน 1 ครั้ง รวม 0.0755 บาทต่อหน่วย ตามนโยบายการลงทุนที่ให้มีการรับซื้อคืนอัตโนมัติกำหนดไตรมาสละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ยังเตรียมที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งต่อไปในวันที่ 20 ก.ย. 2559 ซึ่งกองทุนนี้สามารถซื้อได้ทุกวันทำการและขายได้ไตรมาสละ 1 ครั้ง “บลจ.ไทยพาณิชย์ มองว่าในขณะที่สถานการณ์การลงทุนทั่วโลกที่ยังมีความผันผวน การลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงสินทรัพย์เดียวหรือลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น กองทุน SCBGPLUS และกองทุน SCBPLUS จะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง” นายสมิทธ์ กล่าว