นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้น ได้แก่ กองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล 2 (RKF-HI2) ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2560 – 30 กันยายน 2560 โดยกองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 2 ตุลาคม 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 12 ตุลาคม 2560 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 16.27 ล้านบาท นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานของกองทุน RKF-HI2 อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยประวัติการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ มีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 23 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 11.9290 บาทต่อหน่วย ส่วนในรอบผลดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา (1 ต.ค. 59- 30 ก.ย. 60) จ่ายปันผลรวมทั้งสิ้นในอัตรา 0.56 บาทต่อหน่วย หรือสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) อยู่ที่ 11.25% ต่อปี ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.98% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 12.72% (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ย. 60) สำหรับมุมมองด้านการลงทุนและเศรษฐกิจภายในประเทศ นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกที่ออกมาเติบโตดีกว่าที่คาด โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกสินค้าและบริการ รวมถึงการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและผลผลิตภาคเกษตร ส่วนเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักจากการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปัจจัยในประเทศทั้งตัวเลข GDP ที่ออกมาแข็งแกร่ง และประเด็นทางการเมืองที่คลี่คลายลง ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) ที่มีแนวโน้มเข้มงวดมากขึ้น จากการปรับลดขนาดงบดุล และการส่งสัญญาณการปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาว โดยยังมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ที่ระดับ 1,650 -1,700 จุด ทั้งนี้แม้ว่าระดับราคาหุ้นไทยในปัจจุบันจะอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ยังถือว่าตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้มองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2561 อยู่ที่ 1,820 จุด