บริหารเงินอย่างฉลาด ต้องใช้ยังไงให้เงินงอกเงย ไม่ใช่แค่เก็บไว้เฉย ๆ แล้วหมดไป

เมื่อพูดถึงการบริหารเงิน หลายคนมักคิดถึงการออมเงินเป็นอันดับแรก แต่การเก็บเงินไว้เฉย ๆ โดยไม่มีแผนการลงทุน อาจทำให้มูลค่าเงินลดลงเพราะอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นหากอยากให้เงินงอกเงย ควรต้องวางแผนทางการเงินให้ดี และใช้เครื่องมือช่วยวางแผนการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นเรื่องง่ายและได้ผลจริง!
ทำไมแค่เก็บเงินไม่พอ?
- เงินเฟ้อกัดกินมูลค่าเงิน – แม้คุณจะมีเงินเก็บอยู่มาก แต่ถ้าไม่มีการลงทุนเลย พลังซื้อของเงินก็ลดลงทุกปี เช่น วันนี้กาแฟแก้วละ 50 บาท อีก 10 ปีอาจเพิ่มเป็น 80 บาท!
- ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ – การฝากเงินในธนาคาร แม้จะปลอดภัยแต่ให้ผลตอบแทนต่ำ ไม่เพียงพอสำหรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว
- โอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น – หากวางแผนการลงทุนให้ดี คุณสามารถเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของตัวเองได้ในระยะยาว
3 วิธีใช้เงินให้เติบโต ไม่ใช่แค่เก็บไว้เฉย ๆ
1. วางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย
การวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายทางการเงิน เช่น การเกษียณ ซื้อบ้าน หรือออมเงินเพื่อการศึกษาของลูก ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ทิศทางในการลงทุนที่ชัดเจน เครื่องมืออย่าง My Plan จาก WealthMagik ช่วยให้คุณ สามารถวางแผนทางการเงิน ด้วยตัวคุณเอง เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมาย การออมเงินอย่างที่ต้องการ ซึ่งจะมีตัวช่วย และแนะนำ ในกรณีที่เงินออมในปัจจุบันของคุณ ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้
2. กระจายการลงทุน ลดความเสี่ยง
การกระจายการลงทุน (Diversification) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว โดยการกระจายการลงทุนหมายถึงการไม่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียวทั้งหมด เพราะหากเราลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว เช่น การลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว หากตลาดหุ้นเกิดความผันผวนหรือลดลง จะทำให้ความเสี่ยงในการขาดทุนสูงขึ้นมาก
การกระจายการลงทุนสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การลงทุนในหุ้นที่มาจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยี การเงิน หรือพลังงาน เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการเติบโตในหลายๆ ตลาด นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนรวมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีในการกระจายความเสี่ยง เพราะกองทุนรวมจะมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น หุ้น, พันธบัตร, และสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว อีกหนึ่งประเภทการลงทุนที่ควรพิจารณาคือ พันธบัตร ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงกว่าและมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น การมีพันธบัตรในพอร์ตการลงทุนช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตและการรักษาความเสี่ยง
โดยรวมแล้ว การกระจายการลงทุนช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้นในระยะยาว และช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด โดยไม่ให้พอร์ตของเราตกอยู่ในความเสี่ยงมากเกินไปจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว
แต่ถ้าใครเป็นนักลงทุนมือใหม่ และยังไม่รู้ว่าควรเริ่มลงทุนอะไรดี คลิก!
3. ใช้เครื่องมือช่วยลงทุน เพื่อให้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณเป็นมือใหม่และไม่รู้จะเริ่มอย่างไรTools ของ WealthMagik คือผู้ช่วยที่ดีสำหรับคุณและใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็น
- MY IOS สไตล์การลงทุนของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกัน บางคนรับความเสี่ยงได้มากสามารถลงทุนในสภาวะที่ตลาดผันผวน บางคนรับความเสี่ยงได้น้อยต้องการผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และไม่พร้อมที่จะขาดทุนในเงินต้น แล้วคุณมีสไตล์การลงทุนแบบใด ประเมินระดับการยอมรับความเสี่ยงของคุณ เพื่อค้นหาประเภทของกองทุนรวมที่เหมาะสม
ใช้งานเลย คลิก!
- My Plan ช่วยให้คุณ สามารถวางแผนทางการเงิน ด้วยตัวคุณเอง เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมาย การออมเงินอย่างที่ต้องการ ซึ่งจะมีตัวช่วย และแนะนำ ในกรณีที่เงินออมในปัจจุบันของคุณ ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้
ใช้งานเลย คลิก!
- DCA Tools เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยด้วยเงินจำนวนที่เท่ากันเป็นงวดๆ ทยอยลงทุนเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ อาจจะเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส ตามความสะดวกของนักลงทุน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุนในขณะนั้น ซึ่งถ้าตอนที่เราลงทุนไปสินทรัพย์นั้นมีราคาที่ถูก ต้นทุนก็จะถูกลงไปด้วย ถือเป็นการเฉลี่ยต้นทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
ใช้งานเลย คลิก!