Thailand Web Stat

ปล่อยให้เงินทำงานแทนคุณ ด้วยการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ

make your money
จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจการออมเงินมากขึ้น แต่ว่าถ้าเราเอาเงินออมมาลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนงอกเงยขึ้นไปอีก จะยิ่งเป็นเรื่องที่ดี บทความนี้จึงอยากมาแชร์ไอเดียสำหรับคนที่อยากให้เงินเติบโตขึ้น

มีเงินหลักพันลงทุนยังไง ?

make_your_money

1. เก็บไว้ในกระปุกออมสิน

การเก็บเงินไว้ในกระปุกออมสินเป็นวิธีการออมที่ง่ายและปลอดภัย แต่ไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนใด ๆ นอกจากความสุขที่ได้เห็นเงินเพิ่มขึ้นจากการออมเอง ถ้าหากเก็บเงินไว้ในกระปุกออมสิน ทุกๆเดือน เดือนละ 1,000 บาท 1 ปีจะมีเงิน 12,000 บาท โดยไม่ได้รับดอกเบี้ยอะไรเพิ่มเติม

2. บัญชีเงินฝาก

– เงินฝากออมทรัพย์ เป็นการฝากเงินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีระยะเวลากำหนด สามารถฝาก-ถอน ได้ตามความต้องการ มีสภาพคล่องสูง ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 0.2 %-0.5 % ต่อปี แต่จะต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับถ้าหากดอกเบี้ยที่ได้รับเกิน 20,000 บาท
– เงินฝากประจำเป็นการฝากเงินทุกเดือน เดือนละเท่าๆ กัน อาจจะมีระยะเวลา 12 เดือน 24 เดือน 36 เดือน ดอกเบี้ยที่ได้รับก็ย่อมแตกต่างกันออกไป เป็นการออมที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ปกติ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่ประมาณ 1.5% – 2.25 % ต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร และดอกเบี้ยที่รับก็ไม่ต้องเสียภาษี เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเก็บเงินและไม่ชอบความเสี่ยงสูง
– เงินฝากดิจิทัล เป็นการฝากเงินแบบไม่มีสมุดบัญชี สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้เลย และธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝาก ถอน โอน สามารถทำในแอปพลิเคชั่นของธนาคารได้เลย ซึ่งจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากดิจิทัล อยู่ที่ประมาณ 1.5-5.5 % ต่อปี
– บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit Account – FCD) เป็นการฝากเงินสกุลเงินตราต่างประเทศ เป็นอีกทางเลือกการลงทุนในเงินฝาก มีทั้ง บัญชีฝากประจำ, บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน สามารถทำธุรกรรมระหว่างประเทศได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาแลกเปลี่ยนสกุลเงินไปมา ซึ่งอาจลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินในขณะนั้นได้ซึ่งสามารถระบุดอกเบี้ยได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย FCD สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 5 % ต่อปี(ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร)

3. ตราสารหนี้

ตราสารหนี้ คือหุ้นกู้หรือพันธบัตรเป็นการลงทุนที่ให้ผลผลตอบแทนน้อยแต่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถคาดการณ์รายรับล่วงหน้าได้จากอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว โดยผู้ซื้อหรือผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เหมาะกับการกระจายความเสี่ยงและลดความเสี่ยงของพอร์ต ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปี

4. กองทุนรวม

การลงทุนในกองทุนรวมเป็นวิธีการที่ดีสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง กองทุนรวมใช้เงินลงทุนน้อย สามารถเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนเพียง 1 บาท 500 บาท หรือ 1,00 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขขั้นต่ำในการซื้อครั้งแรก) แต่ก่อนที่จะลงทุน ต้องเลือกก่อนว่ากองทุนประเภทไหนเหมาะกับตัวเอง ความเสี่ยงที่รับได้อยู่ในระดับที่เท่าไหร่ เราจะต้องทำการประเมินความเสี่ยงก่อนลงทุน เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ผลตอบแทนของกองทุนรวมก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุน ตัวอย่างเช่น หากรับความเสี่ยงได้น้อย กองทุนรวมตลาดเงินอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ให้ผลตอบแทนประมาณ 2% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาดด้วยนะครับ) หรือถ้าหากต้องการสร้างวินัยให้กับตัวเองก็เลือก DCA เป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยด้วยเงินจำนวนที่เท่ากันเป็นงวดๆ ทยอยลงทุนเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ อาจจะเป็นรายเดือน หรือรายสัปดาห์ ตามแต่ความสะดวกของนักลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

5. หุ้น

การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูง แต่สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนอื่น ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสขาดทุนเยอะเช่นกัน หากเลือกหุ้นที่ดี ผลตอบแทนอาจสูงถึง 10% หรือมากกว่านั้น หุ้นเหมาะกับคนที่มีความรู้และความเข้าใจในการลงทุนเป็นอย่างดี

6. สินทรัพย์ดิจิทัล

การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum ฯลฯ สามารถทำได้ด้วยจำนวนเงินที่น้อย แต่ต้องมีความรู้และเข้าใจสูง เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก ราคาเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็ว หากเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้สูงและเข้าใจในสินทรัพย์ประเภทนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม

7. ตราสารอนุพันธ์

ตราสารอนุพันธ์เป็นการลงทุนที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ผลตอบแทนอาจสูงถึง 20% หรือมากกว่านั้น แต่ความเสี่ยงที่สูงทำให้เงินลงทุนอาจสูญหายได้

8. ทองคำ

การออมทองเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่มีมูลค่าคงที่ในระยะยาว การที่เราทยอยเข้าซื้อเพื่อสะสมไว้ ระหว่างทางเราอาจจะขายคืนก็ได้ หรืออาจะลงทุนโดยการเข้าซื้อทองโดยตรง รูปแบบการออมทองมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือกองทุนรวม (แต่จะเลือกลงทุนแบบไหนอย่าลืมศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนนะครับ) เหมาะสำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้ เพราะราคาทองผันผวน ขึ้น-ลง ตามอุปสงค์ อุปทานของตลาด

การลงทุนแต่ละแบบมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ควรเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ และอย่าลืมศึกษาข้อมูลและติดตามการลงทุนของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว

โทร 02 – 437 – 1588

Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่ 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว

โทร 02 – 437 – 1588

Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่