"อยากให้เงินทำงาน … แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร?"
การให้เงินทำงาน คือ การนำเงินไปลงทุน เพื่อให้เงินงอกเงยขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนพอได้ยินแบบนี้แล้ว ก็อยากที่จะทำบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจ บ้างก็กลัวจะถูกหลอก ไม่รู้จะจับต้นชนปลายอย่างไรดี
วันนี้เรามีทริคเล็ก ๆ มาแชร์ถึงวิธีและแนวทางในการเตรียมตัวก่อนเริ่มลงทุนง่ายๆมาฝากกัน
อย่างแรกอยากให้ทุกคน เริ่มต้นที่การตั้งคำถามกับตัวเองก่อนเลยว่า เราอยากลงทุนไปเพื่ออะไร?
คำถามข้อนี้ จะทำให้เรารู้เป้าหมายของเราที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะ อยากรวย อยากมีเงินเก็บ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน หรือ อยากมีเงินก้อนโตไว้โชว์คนอื่น เหมือนที่เพื่อนๆ เขาทำกันบ้าง ซึ่งเหตุผลของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าจะลงทุนไปเพื่ออะไร อย่างน้อย การที่เราเริ่มลงทุนในวันนี้ก็เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อที่เราต้องเผชิญกันอยู่ในทุก ๆ วัน
ตอนนี้การนำเงินไปลงทุนก็มีหลายประเภทด้วยวิธีการลงทุนที่แตกต่างกัน วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การนำเงินไปฝากธนาคาร การซื้อกองทุน หุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือ คริปโต ก็เป็นการลงทุนหมดเลย ซึ่งแต่ละการลงทุนก็มีสภาพคล่อง ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน
ไลฟ์สไตล์ของเราเข้ากับการลงทุนแบบไหน ?
วันนี้เราจะมานำเสนอการลงทุนในประเภทต่างๆกัน ว่าไลฟ์สไตล์ของเราเข้ากับการลงทุนแบบไหน ?
มาเริ่มกันที่ กองทุน เพราะทุกคนอาจจะคุ้นเคยกันมากกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่เน้นเรื่องผลประโยชน์ทางภาษี กองทุนต่างประเทศ โดยกองทุนแต่ละกองทุนมีการลงทุนที่แตกต่างกัน สภาพคล่อง ความเสี่ยงและผลตอบแทน จึงขึ้นอยู่กับกองทุนและประเภทของกองทุนตามนโยบายของผู้จัดการกองทุน
การลงทุนประเภทต่อมา คือ ตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีสภาพคล่องและความเสี่ยงที่ต่ำ เริ่มต้นด้วยเงินน้อยก็สามารถลงทุนได้ มีอิสระการเลือกซื้อตราสารและมีกระแสเงินสดระหว่างทาง ถือว่าเป็น Passive Income
การลงทุนประเภทสุดท้ายที่แนะนำ คือ หุ้น ที่หลายๆคนก็กำลังลงทุนกันอยู่ในตอนนี้ ผลตอบแทนที่ได้มาก็ไม่เท่ากัน เนื่องจากสไตล์และการวางแผนการลงทุน การซื้อขายที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีอย่างละเอียดถี่ถ้วน อย่างเช่น ถ้าตอนนี้คุณ คือคนวัยกลางคนที่สามารถรับความเสี่ยงได้บ้าง แต่ก็อยากได้รับผลตอบแทนที่สูง แต่ยังต้องทำงานประจำหนักมาก ไม่มีเวลามาเฝ้าหน้าจอเหมือนการลงทุนหุ้น อาจจะเหมาะกับการลงทุนในกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารกองทุนให้เรา ถ้าเรายังเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีเวลาในการศึกษาและคัดเลือกหุ้น ไม่มีภาระอะไร สามารถรับความเสี่ยงได้เยอะก็อาจจะเหมาะกับการลงทุนประเภทหุ้น
เห็นไหมว่าการลงทุนแต่ละแบบก็แตกต่างกัน แต่ส่วนมากแล้วเรามักจะมองเห็นผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แปรผันไปในทิศทางเดียวกัน การที่เราอยากได้ผลตอบแทนมาก ก็มักจะต้องแลกมากับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย แล้วเหตุผลสำคัญข้อนี้เราสามารถรับมือกับมันได้มากน้อยแค่ไหน ลองถามใจตัวเองดู แต่ยิ่งในช่วงนี้สถานการณ์เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ก็จะเริ่มมีคนไม่หวังดีมาดึงดูดใจเราด้วยผลตอบแทนที่สูง หรือเอาการลงทุนที่มีอยู่จริงมาหลอกเรา สุดท้ายแล้วเราก็จะโดนหลอก เพราะไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายขนาดนั้น การลงทุนที่เสี่ยงที่สุดคือการลงทุนที่ไม่มีความรู้ ไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะไม่มีใครรู้จักสภาพทางการเงินของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง
ว่ากันว่าความสำเร็จของผลตอบแทนที่ได้มานั้นมาจากการทำ Asset Allocation ถึง 90% อีก 10% นั้นมาจากการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ถูกต้อง
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญและถือเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดทิศทางของผลตอบแทนให้กับนักลงทุน นั่นก็คือ Asset Allocation หรือที่รู้จักกันว่า คือ การกระจายการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอไปในหลากหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร กองทุน สินทรัพย์ทางเลือก หรือเงินสด ตามสัดส่วนที่ตั้งใจไว้ในแต่ละสินทรัพย์ ภายใต้แนวความคิดที่ว่าการลงทุนต้องมีการกระจายความเสี่ยง เพราะเชื่อว่าไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดตลอดเวลานั่นเอง
การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ดีนั้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการคัดเลือกสินทรัพย์ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดภายใต้กรอบความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ภายในช่วงเวลา ช่วงอายุ หรือช่วงสภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยว่ากันว่าความสำเร็จของผลตอบแทนที่ได้มานั้นมาจากการทำ Asset Allocation ถึง 90% เลยทีเดียว ที่เหลืออีก 10% นั้นมาจากการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ถูกต้องเพื่อลงทุน จากข้อมูลที่กล่าวไปพอจะทำให้เห็นได้ว่า การกระจายการลงทุนอย่างถูกต้องให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและจังหวะอย่างมีประสิทธิภาพ มีวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างผลตอบแทนได้ตรงกับเป้าหมายทางการเงินของเราภายใต้กรอบความเสี่ยงที่กำหนดได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงและเพิ่มพูนรายได้ให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี