กองทุนลดหย่อนภาษี เลือกยังไงให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่ชอบ
การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี อย่างเช่น SSF , RMF , TESG ไม่ได้เป็นแค่การช่วยลดหย่อนภาษีเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อีกด้วย มาดูกันว่ากองทุนลดหย่อนภาษีเลือกยังไงให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่ชอบ
1. ทำความเข้าใจกับกองทุนลดหย่อนภาษี
กองทุนลดหย่อนภาษี (Tax-Saving Funds) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว พร้อมกับได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปพร้อมๆ กัน
กองทุนลดหย่อนภาษี มี 3 ประเภท
- กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมเงินสำหรับการเกษียณอายุยาว และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย
- กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน เป็นการลงทุนระยะยาวที่ลงทุนในกิจการที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ศึกษารายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับกองทุนลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม คลิก
2. เข้าใจไลฟ์สไตล์ตัวเองและประเมินสถานการณ์ทางการเงิน
ความเสี่ยง
- ความเสี่ยงสูง เหมาะกับ กองทุนรวมตราสารทุน ตัวอย่างของกองทุนลดหย่อนภาษี เช่น SCBS&P500-SSF , KFINDIARMF, K-TNZ-THAIESG
- ความเสี่ยงปานกลาง เหมาะกับ กองทุนรวมผสม ตัวอย่างของกองทุนลดหย่อนภาษี เช่น KFHAPPYSSF, KGARMF , KTAG70/30-ThaiESG
- ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ เหมาะกับกองทุนรวมตราสารหนี้ ตัวอย่างของกองทุนลดหย่อนภาษี เช่น UGIS-SSF , KKP INRMF ,KKP GB THAI ESG
ระบุเป้าหมายให้ชัดเจน
- ออมเงินระยะยาว : เหมาะกับกองทุน SSF เพราะเป็นการลงทุนเพื่อการออมระยะยาว และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี เงื่อนไขคือต้องถือครองไม่ต่ำกว่า 10 ปี จึงเหมาะกับคนที่อายุต่ำกว่า 45 ปี เพราะถือหน่วยลงทุนที่สั้นกว่า RMF ตัวอย่างเช่น ตอนนี้คุณอายุ 30 ปี ถ้าลงทุนใน SSF คุณจะสามารถขายคืนได้ประมาณอายุ 40 ปีหรือนับเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่ถ้าหากคุณลงทุนใน RMF คุณจะสามารถขายคืนได้ตอนอายุ 55 ปี หรือนับเป็นระยะเวลา 25 ปีนั่นเอง
- วางแผนเกษียณ : เหมาะกับกองทุน RMF เพราะเป็นการลงทุนเพื่อเกษียณอายุ และต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ต้องถือครองถึงอายุ 55 ปี ถึงจะขายได้ จึงเหมาะกับคนที่อายุมากกว่า 45 ปี เพราะถือหน่วยลงทุนที่สั้นกว่า SSF ตัวอย่างเช่น ตอนนี้คุณอายุ 50 ปี ถ้าลงทุนใน RMF คุณจะสามารถขายคืนได้ประมาณอายุ 55 ปี หรือนับเป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ถ้าหากคุณลงทุนใน SSF คุณจะสามารถขายคืนได้ตอนอายุ 60 ปี หรือนับเป็นระยะเวลา 10 ปีนั่นเอง
- ต้องการลงทุนระยะยาวและต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม : เหมาะกับกองทุน Thai ESG เพราะมีเป้าหมายการลงทุนระยะยาวและเห็นโอกาสการเติบโตของหุ้นยั่งยืน และยังต้องการวงเงินที่ใช้ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจากกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ
3. ศึกษานโยบายการลงทุน ค่าธรรมเนียม และผลตอบแทนของกองทุน
เพราะการเลือกซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี ไม่สามารถเลือกซื้อตามเพื่อนๆได้ ฉะนั้นควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนให้มั่นใจก่อนตัดสินใจลงทุน ไม่มองแค่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว ควรศึกษานโยบายการลงทุน พิจารณาค่าธรรมเนียม โดยเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆที่สนใจ และเลือกกองทุนที่มั่นใจจะลงทุนมากที่สุด และที่สำคัญควรอ่าน Funds Fact Sheet ให้ละเอียด (วิธีอ่าน Fund Fact Sheet คลิก!)
4. ใช้เครื่องมือช่วยวางแผนทางการเงิน
หากคุณยังลังเลและไม่มั่นใจว่าจะเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีตัวไหนดี ลองใช้เครื่องมือช่วยวางแผนการเงิน บนเว็บไซต์ WealthMagik ที่ช่วยให้การเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีนั้นง่ายขึ้น
Fund Info : ค้นหากองทุนที่ใช่เพื่อดูข้อมูลกองทุนและเปรียบเทียบกองทุนที่สนใจ
My IOS : ช่วยค้นหาการลงทุนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
Plan Tracking : วางแผนทางการเงินด้วยตัวคุณเองและสามารถคำนวณภาษีอย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบค่าลดหย่อนอื่นๆ เพื่อให้คุณบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
WealthMagik Service : ตัวช่วยในการบันทึกพอร์ตการลงทุน โดยบันทึกพอร์ตได้สูงสุดถึง 5 สินทรัพย์ พร้อมทั้งมีฟีเจอร์ กองภาษีครบกำหนด , สรุปกองภาษีที่ซื้อแล้ว และยังเช็คได้ว่าซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีไปเท่าไหร่ และยังเหลือสิทธิอีกเท่าไหร่ เพื่อให้คุณได้วางแผนการจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคำนวณยอดซื้อเพิ่มเติมได้