การตั้งค่าคุกกี้

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา

คุกกี้เป็นไฟล์เล็กๆ ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูล โดยจะบันทึกลงไปในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของลูกค้า ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ที่ลูกค้าเลือกใช้ ในขณะที่ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ลูกค้าสามารถยอมรับหรือปฏิเสธการใช้งานคุกกี้ได้ โดยการปรับการตั้งค่าในเบราว์เซอร์... 

Always Active

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ทุกส่วน คุกกี้ประเภทนี้จะถูกจัดเก็บและลบออกหลังจากการท่องเว็บไซต์ของลูกค้า

คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการจดจำลูกค้าเมื่อลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ อีกครั้ง สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ จัดเนื้อหาที่เหมาะสำหรับลูกค้าได้ ทักทายลูกค้าด้วยชื่อ และจดจำค่าที่ลูกค้าเลือกได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถวัดผลการทำงาน โดยประมวลผลจาก จำนวนหน้าที่ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ ตลอดจนจำนวนลักษณะเฉพาะกลุ่มของผู้เยี่ยมชม โดยข้อมูลดังกล่าวจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม และบริษัทฯ จะนำผลลัพธ์ดังกล่าวไปใช้ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการ และการใช้งานของผู้เยี่ยมชมให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้ประเภทนี้จะจดจำการเข้าหน้าเว็บไซต์ จุดเยี่ยมชมและสนใจของลูกค้า ข้อมูลที่ได้นี้จะนำไปประกอบการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ และนโยบายทางการตลาดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

ดัชนีทั่วโลกที่นักลงทุนต้องทำความรู้จัก

ถ้าพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้น คำว่า “ดัชนีหุ้น” หรือ “Index” เป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้จัก เพราะดัชนีหุ้นเป็นตัวชี้วัดภาพรวมของตลาด และช่วยให้นักลงทุนเข้าใจแนวโน้มการเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ดัชนีหุ้นเปรียบเสมือนเครื่องวัดอุณหภูมิของตลาด ถ้าดัชนีสูงขึ้นแปลว่าตลาดกำลังไปได้ดี แต่ถ้าดัชนีลดลงก็อาจหมายถึงภาวะตลาดที่ชะลอตัวหรือมีความกังวลเกิดขึ้น การติดตามดัชนีจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพ

ดัชนีหุ้นสำคัญที่ต้องรู้จัก

สหรัฐอเมริกา ( United States of America)

1. S&P 500 ดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีที่รวม 500 บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค นักลงทุนทั่วโลกใช้ S&P 500 เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการวัดผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
2. Dow Jones Industrial Average (DJIA) เป็นหนึ่งในดัชนีที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยคัดเลือกหุ้นขนาดใหญ่เพียง 30 ตัวที่ถือเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น Apple, Microsoft และ Goldman Sachs แม้จะมีหุ้นไม่มากเท่า S&P 500 แต่ก็เป็นดัชนีที่ถูกจับตามองอย่างมาก
3. NASDAQ เป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น Apple, Amazon, Google และ NVIDIA ดัชนีนี้ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มนักลงทุนที่มองหาการเติบโตจากหุ้นนวัตกรรม
4. Russell 2000 เป็นดัชนีตลาดหุ้นที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของหุ้นขนาดเล็ก (Small Cap) ในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี Russell 3000 ซึ่งครอบคลุมหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ยุโรป (EUROPE)

1. FTSE 100 เป็นดัชนีที่รวบรวม 100 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน เช่น HSBC, Unilever และ Shell มักถูกใช้เป็นตัวแทนของภาวะเศรษฐกิจอังกฤษและยุโรป
2. DAX เป็นดัชนีหลักของตลาดหุ้นเยอรมันที่รวมบริษัทขนาดใหญ่ 40 แห่ง เช่น BMW, Siemens และ SAP โดยเป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจยุโรป
3. CAC 40 เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ ฝรั่งเศส ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่ 40 แห่งที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในตลาดหุ้น Euronext Paris
4. Euro Stoxx 50 เป็นดัชนีหุ้นที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ 50 บริษัทชั้นนำในยูโรโซน โดยคัดเลือกจากประเทศที่ใช้เงินยูโร เช่น ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, สเปน, อิตาลี เป็นต้นสะท้อนแนวโน้มของบริษัทชั้นนำในยุโรป

จีน/ฮ่องกง (China/Hong Kong)

1. Hang Seng Index (ฮ่องกง) ดัชนีนี้รวมบริษัทชั้นนำของฮ่องกง เช่น Tencent, Alibaba และ HSBC เป็นดัชนีสำคัญที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจจีนและฮ่องกง
2. Shanghai Composite เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ ประเทศจีน ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของหุ้นทั้งหมดที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (Shanghai Stock Exchange – SSE) สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
3. CSI 300 เป็นดัชนีตลาดหุ้นจีนที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ 300 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุด ในตลาดหลักทรัพย์ เซี่ยงไฮ้ (SSE) และเซินเจิ้น (SZSE)

ญี่ปุ่น (Japan)

1. Nikkei 225 (ญี่ปุ่น) เป็นดัชนีที่ประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำ 225 แห่งในญี่ปุ่น เช่น Toyota, Sony และ SoftBank นิยมใช้เป็นตัวชี้วัดทิศทางของเศรษฐกิจเอเชีย
2. TOPIX เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ ญี่ปุ่น ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ หุ้นทุกตัว ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange – TSE) กลุ่ม Prime Market

เกาหลีใต้ (Korea)

1. KOSPI  เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ เกาหลีใต้ ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ หุ้นทั้งหมด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ (Korea Exchange – KRX) และสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจ

ไทย (Thailand)

1. SET Index (ไทย) ดัชนีหลักของตลาดหุ้นไทยที่สะท้อนภาพรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุนไทยควรติดตามเพื่อดูแนวโน้มของเศรษฐกิจในประเทศ

อินเดีย (India)

1. BSE Sensex เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ อินเดีย ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ 30 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (Bombay Stock Exchange – BSE)

2. NIFTY 50 เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ อินเดีย ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ 50 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติอินเดีย (National Stock Exchange – NSE)

สิงคโปร์ (Singapore)

1. FTSE Straits Times Index  เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ สิงคโปร์ ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ 30 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Singapore Exchange – SGX)

เวียดนาม (Vietnam)

1. VNI เป็นดัชนีตลาดหุ้นหลักของ เวียดนาม ที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ หุ้นทุกตัว ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Stock Exchange – HOSE)

ไต้หวัน (Taiwan)

1. TWSE ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน เป็นดัชนีที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ หุ้นทั้งหมด ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน (Taiwan Stock Exchange – TWSE)

อินโดนีเซีย (Indonesia)

1. IDX ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย เป็นดัชนีที่ใช้วัดผลการดำเนินงานของ หุ้นทั้งหมด ที่จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย (Indonesia Stock Exchange – IDX)

ดัชนีหุ้นช่วยนักลงทุนอย่างไร?

  • ใช้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบผลตอบแทน ถ้าคุณลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม คุณสามารถใช้ดัชนีเป็นตัวเปรียบเทียบว่า ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนของคุณดีหรือแย่กว่าตลาด
  • ช่วยในการตัดสินใจลงทุน หากดัชนีของตลาดใดตลาดหนึ่งมีแนวโน้มขาขึ้น อาจเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
  • สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ ดัชนีหุ้นช่วยให้นักลงทุนเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ดัชนีหุ้นเป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมของตลาด และช่วยในการตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูล การรู้จักดัชนีหลักทั่วโลก เช่น S&P 500, NASDAQ 100, Nikkei 225 และ SET Index จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการลงทุนได้ดีขึ้น และใช้ประโยชน์จากแนวโน้มของตลาดหุ้นทั่วโลก
หากคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ การเริ่มต้นติดตามดัชนีเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจตลาดการเงินมากขึ้น และเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ!

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

โทร 02 – 437 – 1588

Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่ 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

โทร 02 – 437 – 1588

Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่