Emerging Markets ex China พลังใหม่ไดร์ฟเศรษฐกิจโลก
หลังจากที่หมดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองว่า Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงหรือไม่ในปีนี้ โดยล่าสุด Fed ส่งสัญญาณคาดว่าจะลดดอกเบี้ยภายในปีนี้เพียงครั้งเดียว รวมถึงปรับการณ์คาดการณ์เงินเฟ้อสูงขึ้น ส่งผลให้ US Bond Yield ปรับตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้น และการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
อย่างที่รู้กันว่า Emerging Markets (EM) หรือตลาดเกิดใหม่ หมายถึงกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจกำลังพัฒนา กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมไปสู่ระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ มีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน ประเทศที่อยู่ใน Emerging Markets เช่น ไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน รวมไปถึงประเทศขนาดใหญ่ 4 ประเทศ ที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก หรือเรียกย่อๆว่า BRICS อย่างบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน อีกด้วย
Emerging Markets ex China คืออะไร
ในอดีตนักลงทุนมักมองว่า “จีน” เป็นยักษ์ใหญ่และเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่นับตั้งแต่ปัญหาการแพร่ของเชื้อไวรัส COVID-19 จีนยังไม่ได้กลับมาฟื้นตัวเท่าที่ควร อีกทั้งปัจจุบันเศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาหนี้สินภาคอสังหาริมทรัพย์ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งรัฐบาลจีนได้ออกนโยบายมาเพื่อแก้ปัญหา และกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว แต่แนวโน้มการฟื้นตัวของจีนก็ยังมีแนวทางที่ไม่ชัดเจนนัก ดังนั้น นักลงทุนจึงต้องมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่สามารถเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนได้ จึงเกิดเป็น Emerging Markets ex China ขึ้น
Emerging Markets ex China คือ กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ไม่รวมประเทศจีน อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่หลายประเทศมีศักยภาพในการเติบโตอย่างโดดเด่น รวมถึงมีประชากรที่อยู่ในวัยแรงงาน มีกำลังในการซื้อ และอุปโภคบริโภค อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเทคโนโลยี เพราะฉะนั้น เมื่อไม่รวมการลงทุนในประเทศจีนที่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจนแล้ว Emerging Markets ex China จึงเป็นโอกาสใหม่ที่อาจจะเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนให้มากขึ้นได้
ถ้าเทียบจากดัชนี MSCI Emerging Markets หรือ ดัชนีที่คำนวณจากหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่จากประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ กับดัชนี MSCI Emerging Markets ex China ที่คำนวณจากหุ้นของบริษัทขนาดกลางไปถึงใหญ่ในประเทศตลาดเกิดใหม่โดยไม่นับรวมบริษัทที่อยู่ในประเทศจีน โดยทั้งสองดัชนีเป็นดัชนีตามที่ Morgan Stanley Capital International ได้จัดกลุ่มไว้ จะเห็นว่าดัชนี MSCI Emerging Markets ex China นั้น มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มากกว่า เนื่องจากดัชนี MSCI Emerging Markets มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนที่ค่อนข้างมาก เมื่อจีนเศรษฐกิจชะลอตัวลง จึงส่งผลกระทบต่อดัชนี MSCI Emerging Markets มากเช่นเดียวกัน
ทำไม Emerging Markets ex China ถึงเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าประเทศตลาดเกิดใหม่นั้น มีโอกาสเติบโตได้มาก จากจำนวนประชากรส่วนใหญ่ที่อยู่ในวัยแรงงาน รวมถึงมีกำลังในการอุปโภคบริโภค นอกจากนั้นที่สำคัญยังเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว สินค้าโภคภัณฑ์จึงเป็นสิ่งที่มีความต้องการสูง ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นด้วย จึงเป็นปัจจัยทำให้ประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่บางประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ได้ผลประโยชน์มหาศาล
นอกจากนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตได้ดีแม้ในสภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ได้ดีนักอย่างกลุ่มเทคโนโลยี ยังมีฐานการผลิตชิ้นส่วนสำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนเทคโนโลยีอยู่ในประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อย่างเกาหลีใต้ ไต้หวัน ด้วย อีกทั้งแรงงานจากประเทศเกิดใหม่อย่างอินเดียยังมีความสามารถ และโดดเด่นในเรื่อง IT มีค่าจ้างงานที่ถูกกว่า จึงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้น จนกลายเป็น Emerging Markets ex China ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไปได้
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่