จับตาแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2568 ทิศทางเศรษฐกิจไทยและโลก
อย่างที่นักลงทุนหลายท่านทราบกันดีว่าในช่วงปลายปี 2567 Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือที่ระดับ 4.75% – 5% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี และมองว่าต่อจากนี้จะเป็นวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงของ Fed ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2568 นี้ เป็นอีกปีที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุน
ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2568
การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำและธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้หลายประเทศเศรษฐกิจสำคัญมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวลดลงตามการชะลอตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชน เช่นเดียวกับเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะชะลอตัวลงแม้ว่าจะมีแรงสนับสนุนจากมาตรการฟื้นฟู
เศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโต แต่ยังไม่แข็งแรง ซึ่งอัตราเงินเฟ้อคาดว่าในปี 2568 จะมีการชะลอตัวลงไปที่ระดับ 4.3% เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางหลายแห่งจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป ซึ่งการผ่อนปรนนโยบายการเงินจะช่วยกระตุ้นการบริโภคได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจปี 2568 ก็จะยังได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น ความไม่แน่นอนของทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ และจีน ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกโดยตรง ซึ่งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ล่าสุดทรัมป์ได้ชนะการเลือกตั้ง ประเด็นที่น่าสนใจติดตามต่อในปี 2568 จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้า รวมถึงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในอาเซียน ผลมาจากธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ก็มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงขึ้น จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน มาสู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะต้องเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและเงินลงทุนระหว่างประเทศจากการปรับทิศทางนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก
แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบยังไงต่อเศรษฐกิจไทยปี 2568
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัว 2.3% – 3.3% จากการสนับสนุนจากภาครัฐ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และในปี 2568 นี้คาดว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลงเหลือที่ระดับ 2.00% ในไตรมาสแรก เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีปัจจัยเสี่ยง คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก รวมถึงความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อีกทั้งจีนที่เป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ของโลกยังมีแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจลงอีก เนื่องจากภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งรัฐบาลไทยได้มีนโยบายรับมือกับเศรษฐกิจในปี 2568 ที่ควรให้ความสำคัญ คือ
- การขับเคลื่อนภาคการส่งออกให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือมาตรการกีดกันทางการค้า
- ปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาดและการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม
- ขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชน
- ดูแลเกษตรกรและสนับสนุนการปรับตัวในการผลิตภาคเกษตร
- ให้ความช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ที่ประสบปัญหาด้านการเข้าถึงสภาพคล่อง
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจปี 2568 ทั้งภาพรวมทั่วโลก และไทย ต้องเผชิญความท้าทายเป็นอย่างมาก ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามข่าวสาร และปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ รวมถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเองอยู่เสมอ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว
โทร 02 – 437 – 1588
Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่