Thailand Web Stat

กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ น้องใหม่ ดาวรุ่ง พุ่งแรง

bond_ fund
กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ
เมื่อผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศมีความน่าสนใจ ในช่วงเศรษฐกิจยังชะลอตัว รวมถึงมองว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้ราคาตราสารหนี้ระยะกลางและยาวปรับตัวสูงขึ้น
Top Talent
จากการจัดอับดับกองทุนตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ จะเห็นได้ว่า กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีอับดับ 1-5 จะมี BCAP-USL , KKP GC-UI , ABGFIX-A , LHBLUESKY-D, LHBLUESKY-A ตามลำดับ ซึ่งมีกองทุนที่โดดเด่น อย่าง LHBLUESKY ทั้งClass D และ A ที่กระโดดขึ้นมาจากอันดับที่ 17 และ 18 มาอยู่ที่อันดับ 4และ 5 ตามลำดับ ทำไม LHBLUESKY ถึงกระโดดขึ้นมาได้เยอะขนาดนี้ มีจุดเด่นอะไรที่แตกต่างจากกองทุนอื่นบ้าง
*จัดอันดับประจำสัปดาห์จากเครื่องมือ Top Talent ของทาง WealthMagik ณ วันที่ 7/7/2024

LHBLUESKY

LHBLUESKY เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟตราสารหนี้ต่างประเทศ สามารถกระจายการลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไปโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV (เป็นกองทุน Fund of funds)

  • มีการกระจายการลงทุน ไปยังตราสารคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันลงทุนในอีทีเอฟตราสารหนี้ต่างประเทศได้แก่
    – iShares 0-5 Year Investment Grade Corporate Bond ETF (SLQD US) ประมาณ 48%(ลงทุนใน Investment grade Corporate bond – Duration 0-5 ปี)
    – iShares USD Ultrashort Bond UCITS ETF (ERNA LN) ประมาณ 46% เป็น ETF ที่ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพระยะสั้น
  • มีความยืดหยุ่นในการลงทุน Duration ของตราสาร : ซึ่งปัจจุบันประมาณ 1.45 ปี สำหรับในระยะถัดไป (Flexible : สามารถปรับ Duration ของตราสารให้เหมาะกับภาวะตลาด)
  • โอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศยังเป็นที่น่าสนใจ
  • เลือกลงทุนในตราสารคุณภาพทั้งภาครัฐและเอกชนในต่างประเทศในระดับ Investment grade : เฉลี่ยตราสารต่างประเทศที่ลงทุน Rating A (สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทย BBB+) โดยกองทุนมีความเสี่ยงในระดับ 4 ซึ่งมีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ
  • การป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน : ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (ปัจจุบันกองทุน LHBLUESKY ไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน หรือ Unhedged)

*การเลือกกองทุน Unhedged แม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่มีข้อได้เปรียบ คือ ประหยัดค่าธรรมเนียมในการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (hedging) ในขณะที่ภาพระยะยาว ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ การไม่ทำ hedging จะเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น

  • ค่าธรรมเนียมกองทุนค่อนข้างต่ำ : เมื่อเทียบกับกองทุนไทยลักษณะเดียวกันในอุตสาหกรรม (ค่าธรรมเนียมการซื้อ/สับเปลี่ยนเข้า 0.5% ของเงินลงทุน และค่าธรรมเนียมการจัดการและอื่นๆ ประมาณ 0.5%ต่อปีของ NAV)
  • ซื้อ – ขายสะดวก : ได้ทุกวันทำการ 8.30 -14.00 น. มี 2 class คือ คลาสสะสมมูลค่า (Accumulated) และคลาสจ่ายปันผล (Dividend)
  • เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง : มูลค่าขั้นต่ำการซื้อครั้งแรก 1,000 บาท มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งต่อไป 100 บาท ประกาศ NAV T+2 และรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน T+4

พิเศษ!! ฟรีค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fee) และ ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนเข้า ( Switching in ) จนถึง 30 ก.ย. 2567 นี้เท่านั้น!!

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว

โทร 02 – 437 – 1588

Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่ 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

WealthMagik – ลงทุนง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว

โทร 02 – 437 – 1588

Line : @WealthMagik หรือ คลิกที่นี่