ช่วงนี้เสียงบ่นเกี่ยวกับราคาสินค้าแพงดังขึ้นทุกวันๆ นะคะ หนักๆ ก็คงจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ราคาข้าวหอมมะลิช่วงต้นปีเรายังเห็นขายกันกิโลกรัมละ 20 กว่าบาท ล่าสุด 30 กว่าบาทไปซะแล้ว คิดคร่าวๆ คือแพงขึ้นกว่า 70% นอกจากนั้นสินค้าอื่นๆ ก็พลอยยกขบวนขึ้นราคากันฝุ่นตลบเลยล่ะค่ะ (สำหรับน้ำมันซึ่งต้องจัดเตรียมให้พาหนะของเราบริโภคก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะในปีที่ผ่านมาราคาขยับขึ้นไปแล้วกว่า 25%)…คิดแล้วกลุ้มกลุ้มใจๆๆ …
ที่ว่ากลุ้มก็เพราะเมื่อหันมาดูในกระเป๋าตัวเองก็ต่างพากันพบว่าเงินเดือนที่เจ้านายขึ้นให้ปีที่แล้วแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เทียบไม่ได้กับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเอาซะเลย พูดง่ายๆ ว่าหาไม่ทันใช้นั่นเอง ในทางเศรษฐศาสตร์ ภาวะที่ระดับราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นเรียกว่าภาวะเงินเฟ้อ และหากผู้บริโภคไม่สามารถสร้างรายได้ให้ทันกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ก็หมายถึงสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพทางการเงินนั่นเอง
เมื่อภาวะเงินเฟ้อทำให้อำนาจซื้อลดลง หรือค่าเงินลดลง เราจึงต้องเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้ วิธีการง่ายๆ คือ “เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย” ในส่วนของการลดค่าใช้จ่ายดิฉันไม่ห่วงเพราะเชื่อว่าหลายๆ ท่านเริ่มรัดเข็มขัดกันมาพักใหญ่แล้ว วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการเพิ่มรายได้กันดีกว่าค่ะ
การเพิ่มรายได้อาจทำโดยการลงแรง เช่น ทำอาชีพที่สอง หรือ ทำงานพิเศษวันหยุด หรือ อีกทางหนึ่ง (ซึ่งง่ายและน่าสนใจกว่าโดยเฉพาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา) คือการลงทุน ใช้เงินต่อเงิน ซึ่งในที่นี้การฝากเงินกับธนาคารอย่างเดียวคงไม่เพียงพอค่ะ เพราะดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มต่ำ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น และในขณะที่ยังมองไม่เห็นหนทางที่อัตราดอกเบี้ยจะเอาชนะเงินเฟ้อได้เลย (อัตราดอกเบี้ยฝากประจำก่อนหักภาษี ไม่เกิน 3% เงินเฟ้อประมาณ 5%) ดังนั้น การหาทางเลือกในการลงทุนใดก็ได้ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อน่าจะเป็นทางออกที่ดี
สำหรับในตลาดทุนดูเหมือนว่าการลงทุนในกองทุนรวมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดทางเลือกหนึ่งในยามนี้ค่ะ ปัจจุบันกองทุนรวมมีรูปแบบหลากหลาย สนองตอบความต้องการของผู้ลงทุนได้ทุกกลุ่มทีเดียว มีทั้งกองทุนรวมประเภทที่มีระดับความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ ซึ่งหากเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชน เพราะโอกาสที่รัฐบาลจะไม่ชำระดอกเบี้ยน่าจะเป็นไปได้ยาก และสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความหวือหวา ไม่อยากสูญเสียเงินต้น หวังเพียงผลตอบแทนใกล้เคียงกับเงินฝากประจำแต่สภาพคล่องสูงกว่า อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน ซึ่งเน้นลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ระยะสั้น
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูง กล้าได้กล้าเสีย รับความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนเริ่มต้นได้มากกว่าก็อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ซึ่งก็ยังมีให้เลือกอีกหลากหลายนโยบายนะคะ เช่น กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เน้นลงทุนในหุ้นเฉพาะกลุ่มธุรกิจ เป็นต้น กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ FIF ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการแบ่งเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศบ้าง FIF แบ่งออกเป็นอีกหลายนโยบาย เช่น ลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรือตราสารหนี้ (ซึ่งก็ต้องทำการบ้านเยอะหน่อยนะคะ เพราะดอกเบี้ยของบางประเทศตอนนี้ต่ำกว่าประเทศไทยแล้ว การไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศอาจไม่ได้รับผลตอบแทนสูงอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้) สำหรับ FIF ผู้ลงทุนคงต้องศึกษาความเสี่ยงเรื่องความ ผันผวนของค่าเงินและภาวะเศรษฐกิจการเมืองของประเทศที่จะไปลงทุนด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีกองทุนรวมน้องใหม่ เช่น กองทุนรวมอีทีเอฟ ซึ่งมีนโยบายเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในทิศทางเดียวกับดัชนีอ้างอิง โดยในบ้านเราปัจจุบันมีทั้ง กองทุนรวม ETF ที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้แบบ real time ผ่านโบรกเกอร์ เหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาเลือกหุ้นหรือตราสารหนี้รายตัว หรือมีเงินไม่มากแต่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์หลากหลายบริษัท
ในระยะหลังนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ก็มาแรงเช่นกันค่ะ มีทั้งที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า สนามบิน เพราะให้ผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ เหมาะกับผู้ที่มีเงินเย็นและไม่ชอบความหวือหวา ยกตัวอย่างพอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนนะคะ ข้อดีประการสำคัญของกองทุนรวมคือ การจะเริ่มลงทุนในกองทุนรวมไม่ต้องใช้เงินก้อนโต มีเงินเพียงหลักพันบาทก็เริ่มลงทุนได้แล้ว (บางกองทุนก็ไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการลงทุน)
จากตัวเลขในปีที่ผ่านมา กองทุนรวมหุ้นส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1 ปีย้อนหลังมากกว่า 10% ค่ะ ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1 ปีย้อนหลังประมาณ 6% เลยทีเดียวนะคะ ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ดประโยคเดิมค่ะ “การลงทุนมีความเสี่ยง และที่สำคัญผลตอบแทนในอดีตมิได้เป็นหลักประกันถึงผลตอบแทนในอนาคต”
อย่ารีรอที่จะให้เงินทำงานให้เรานะคะ แล้วก็อย่าท้อแท้ที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ ต้องต่อสู้กับตัวการที่ทำให้สุขภาพทางการเงินของเราเสื่อมโทรมนะคะ มียาดีๆ มากมายที่ช่วยคุณได้ ลองรับกองทุนรวมไว้พิจารณาดูนะคะ