XAM Shot

“ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน เปิดบวกได้แต่ยืนไม่ไหวพลิกกลับมาปิดลบ

ตลาดหุ้นเอเชียยังผสมผสาน จีนยังไม่ผ่านแนวต้าน ส่วนอินเดียลุ้นฟื้นตัว”

Things you need to know

1. “หุ้นสหรัฐฯปิดลบเล็กน้อย ตลาดยังกังวลกับสัญญาออปชั่นที่ครบอายุวันศุกร์นี้” ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เปราะบางหลังจากดัชนีเข้าสู่ภาวะปรับฐานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แนวโน้มขาลงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่งผลให้การฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกหยุดชะงัก แม้ว่าจะสามารถแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบสองสัปดาห์ในวันก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในวันศุกร์จากการหมดอายุของสัญญาออปชันมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Triple Witching” ซึ่งมักก่อให้เกิดความผันผวนในตลาด นอกจากนี้ตลาดยังกังวลเรื่องสงครามการค้า และสถานการณ์ในสมรภูมิยุโรป ตะวันออกลาง ที่ดุเดือดขึ้น
2. “ทรัมป์เตรียมขยายการผลิตแร่สำคัญโดยใช้กฎหมายป้องกันประเทศ” ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสหรัฐฯ ในการผลิตแร่สำคัญรวมถึงถ่านหิน โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ อาศัย Defense Production Act (DPA) หรือ กฎหมายการผลิตเพื่อการป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นกฎหมายยุค 1950 ที่ประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน ใช้เพื่อกระตุ้นการผลิตเหล็กในช่วงสงครามเกาหลี ต่อมาอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้ใช้กฎหมายนี้เพื่อส่งเสริมการผลิตแร่สำคัญในประเทศ โดยเพิ่มวัสดุที่ใช้ทำแบตเตอรี่ เช่น ลิเธียม นิกเกิล กราไฟต์ โคบอลต์ และแมงกานีส เข้าไปในรายการแร่ที่ครอบคลุมภายใต้กฎหมายนี้ เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เข้าถึงเงินทุนมูลค่า 750 ล้านดอลลาร์
3. “หุ้นเอเชียมีแนวโน้มปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลด้านการค้า” ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มติดตามการปรับตัวลดลงของวอลล์สตรีท เนื่องจากนักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบของสงครามการค้าเทียบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง โดยดัชนีหุ้นล่วงหน้าของญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และฮ่องกง ต่างปรับตัวลดลง ขณะที่ดัชนีของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 3.8% ด้านบริษัท PDD เจ้าของแพลตฟอร์ม Temu รายงานรายได้ต่ำกว่าคาดการณ์ เนื่องจากการแข่งขันภายในประเทศที่รุนแรงขึ้นและภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กดดันการขยายตัว สวนทางกับ Alibaba ที่สามารถทำยอดขายเกินเป้าในไตรมาสสุดท้ายของปี
4. “ทรัมป์ กล่าวว่าผู้นำจีน สี จิ้นผิง จะเดินทางไปเยือนวอชิงตันในเร็ว ๆ นี้” โดยปกติแล้วผู้นำของทั้งสองประเทศจะผลัดกันเดินทางเยือนซึ่งกันและกัน ซึ่งหมายความว่าทรัมป์ควรไปเยือนปักกิ่งก่อนที่จะเชิญผู้นำจีนมาที่สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สีได้เดินทางไปแคลิฟอร์เนียเมื่อปลายปี 2023 ในขณะที่โจ ไบเดน กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกตั้งแต่สมัยจิมมี่ คาร์เตอร์ ที่ไม่ได้เดินทางเยือนจีนระหว่างดำรงตำแหน่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เหมา หนิง กล่าวที่ปักกิ่งว่า เธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการพบปะระหว่างทรัมป์และท่านสี จิ้น ผิง
5. “Conference Board เผยดัชนี LEI ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.พ.” นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ของสหรัฐฯ จะปรับตัวลงเพียง 0.2% หลังจากปรับตัวลง 0.2% ในเดือนม.ค. ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่

Daily Trend

– “ความเสี่ยง Stagflation เพิ่มขึ้น” การแถลงข่าวของประธาน FED หลังการประชุม FOMC ที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินฟ้ออาจเพิ่มขึ้นได้และการเติบโตชะลอตัวลงจากสงครามการค้า คือเรื่องที่มีความสำคัญแม้จะมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสามารถไปได้ดีในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากเป็นการบ่งชี้ความเสี่ยง Stagflation หรือเงินเฟ้อสูงการเติบโตต่ำได้เป็นอย่างดี รวมถึงความกังวลว่าเงินเฟ้อในประเทศอื่นๆ นอกสหรัฐฯ จะลดลง ทำให้ธนาคารกลางของประเทศเหล่านั้นต้องรีบลดดอกเบี้ยนโยบาย เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ตราสารหนี้ประเทศกำลังพัฒนาได้รับความสนใจจากตลาดอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ TS Lombard มองว่าตราสารหนี้ประเทศกำลังพัฒนามีโอกาสที่จะได้รับผลบวกจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในครั้งนี้

– “ปัจจัยที่ต้องติดตาม” สัปดาห์หน้าติดตามตัวเลข ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ในคืนวันจันทร์ และตัวเลขเงินเฟ้อ PCE และ CORE PCE ของสหรัฐในคืนวันศุกร์

แหล่งที่มา : XspringAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก