UOBAM : Daily Update 30 เมษายน 2567
Daily Update 30 เมษายน 2567
— ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (29 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเทสลาและหุ้นแอปเปิ้ล ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,386.09 จุด เพิ่มขึ้น 146.43 จุด หรือ +0.38%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,116.17 จุด เพิ่มขึ้น 16.21 จุด หรือ +0.32% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,983.08 จุด เพิ่มขึ้น 55.18 จุด หรือ +0.35%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มการเงินร่วงลง
หุ้นเทสลาทะยานขึ้น 15.3% หลังจากเทสลาเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้ยกเลิกข้อจำกัดที่มีต่อรถยนต์เทสลา หลังผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยด้านข้อมูลของจีน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะเปิดทางสำหรับการใช้ระบบ Full Self-Driving หรือ FSD ในจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเทสลาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ
หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากมีรายงานว่า แอปเปิ้ลได้เริ่มการหารือครั้งใหม่กับโอเพนเอไอ (OpenAI) เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์รู้สร้าง (Generative AI) ของโอเพนเอไอ โดยจะมีการรวมฟีเจอร์ของโอเพนเอไอเข้ากับ iOS 18 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ของแอปเปิ้ล
หุ้นโดมิโน่ พิซซ่า พุ่งขึ้น 5.6% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 3.58 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.39 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ล แมคโดนัลด์ โคคา-โคลา และอะเมซอน โดยข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัท 233 แห่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดย 78.1% ของบริษัทเหล่านี้รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาด เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวซึ่งอยู่ที่ 67%
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค.นี้ รวมทั้งการแถลงข่าวของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ ขณะที่ข้อมูลจากแอลเอสอีจีระบุว่า ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.35% ปีนี้ จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 1.50% ในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลแรงงานของสหรัฐหลายรายการในสัปดาห์นี้ โดยในวันพุธนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมี.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 243,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 303,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนเม.ย.
แหล่งที่มา : UOBAM
แหล่งข้อมูล: บล.เว็ลธ์ เมจิก