การตั้งค่าคุกกี้

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา

คุกกี้เป็นไฟล์เล็กๆ ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูล โดยจะบันทึกลงไปในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของลูกค้า ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ที่ลูกค้าเลือกใช้ ในขณะที่ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ลูกค้าสามารถยอมรับหรือปฏิเสธการใช้งานคุกกี้ได้ โดยการปรับการตั้งค่าในเบราว์เซอร์... 

Always Active

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้งานในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ทุกส่วน คุกกี้ประเภทนี้จะถูกจัดเก็บและลบออกหลังจากการท่องเว็บไซต์ของลูกค้า

คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการจดจำลูกค้าเมื่อลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ อีกครั้ง สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ จัดเนื้อหาที่เหมาะสำหรับลูกค้าได้ ทักทายลูกค้าด้วยชื่อ และจดจำค่าที่ลูกค้าเลือกได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถวัดผลการทำงาน โดยประมวลผลจาก จำนวนหน้าที่ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ ตลอดจนจำนวนลักษณะเฉพาะกลุ่มของผู้เยี่ยมชม โดยข้อมูลดังกล่าวจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม และบริษัทฯ จะนำผลลัพธ์ดังกล่าวไปใช้ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการ และการใช้งานของผู้เยี่ยมชมให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้และใช้ประมวลผลนั้นไม่มีการระบุชื่อ หรือบ่งบอกความเป็นตัวตนของลูกค้าได้ อีกทั้งไม่มีการเก็บข้อมูลจำเพาะบุคคลเช่น ชื่อ อีเมล เป็นต้น และใช้เป็นข้อมูลทางสถิติเท่านั้น

คุกกี้ประเภทนี้จะจดจำการเข้าหน้าเว็บไซต์ จุดเยี่ยมชมและสนใจของลูกค้า ข้อมูลที่ได้นี้จะนำไปประกอบการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ และนโยบายทางการตลาดที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า

UOBAM : Daily Update: 17 มี.ค. 66

Daily Update 17 มี.ค. 66

-ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร หลังจากธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีท ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ประกาศอัดฉีดเงินรวมกันมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐ

-ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,246.55 จุด พุ่งขึ้น 371.98 จุด หรือ +1.17%,

-ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,960.28 จุด เพิ่มขึ้น 68.35 จุด หรือ +1.76% และ

-ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,717.28 จุด เพิ่มขึ้น 283.22 จุด หรือ +2.48%

-กลุ่มธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีทได้ตกลงที่จะฝากเงินใน FRB เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารแห่งนี้ โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน จะฝากเงินใน FRB รายละ 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ จะฝากเงินใน FRB รายละ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล, พีเอ็นซี, ยูเอส แบงคอร์ป, สเตทสตรีท และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน จะฝากเงินใน FRB รายละ 1 พันล้านดอลลาร์

“การที่กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐพร้อมใจกันอัดฉีดเงินรวมกัน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มธนาคารรายใหญ่มีความเชื่อมั่นใน FRB และธนาคารทุกขนาด และยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ธนาคารต่าง ๆ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าต่อไป” กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของวอลล์สตรีทระบุในแถลงการณ์

-ข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 1.94% และ1.89% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังช่วยหนุนหุ้นธนาคารระดับภูมิภาค โดยหุ้น FRB ทะยานขึ้น 9.98% หุ้นอัลลิอันซ์ แบงคอร์ป พุ่งขึ้น 14.09% และหุ้นแพคเวสต์ แบงคอร์ป ดีดตัวขึ้น 0.7%

-ส่วนดัชนี KBW regional banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค พุ่งขึ้น 3.26% ขณะที่ดัชนี S&P500 banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณใน S&P500 พุ่งขึ้น 2.16%

-หุ้นธนาคารเครดิต สวิส ฟื้นตัวขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากเครดิต สวิส ประกาศขอกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จำนวน 5 หมื่นล้านฟรังก์ (5.368 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายใต้โครงการจัดหาเงินกู้แบบครอบคลุมและการจัดหาสภาพคล่องในระยะสั้น

-หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.ปีนี้ โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4.38% หุ้นแอปเปิ้ล บวก 1.87% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 4.05% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.06%

-ส่วนหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และหุ้นสแนป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแอปพลิเคชัน สแนปแชท พุ่งขึ้น 3.63% และ 7.25% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มที่จะแบนการใช้งานติ๊กต๊อก (TikTok) ซึ่งเป็นคู่แข่งเมตาและสแนป

-ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567

 

แหล่งที่มา : UOBAM

แหล่งข้อมูล: บลน.เว็ลธ์ เมจิก