🟣Morning Update by SCBAM

📍Market update📍

📊 Major Equity Indices: S&P500-0.39%, NASDAQ-0.58%, STOXX600+0.52%, Nikkei225+2.04%, HSCEI+0.97%, CSI300+0.16%, KOSPI+0.04%, NIFTY+0.40%, SET+0.43%, VNINDEX+0.94%, TH Reits-0.38%, SG Reits+0.57%

📊 Sector Return: Utilities-XLU(+1.34%), Industrial-XLI(+0.44%), Consumer Discretionary-XLY(+0.15%), Financial-XLF(-0.50%), Technology-XLK(-0.85%), Energy-XLE(-1.49%)

📊 USBY2Y 4.59%, USBY10Y 4.10%, WTI $69.38/bbl, Gold $2,025.55/oz, DXY 104.15

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปรับตัวลง ถึงแม้จะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงแรกหลังรายงานตัวเลขการจ้างงานของ ADP ออกมาตํ่ากว่าคาด แต่เริ่มมีแรงเทขายในเวลาต่อมา โดยคาดว่านักลงทุนอาจเริ่มกลับมากังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยและอาจเป็นการขายทำกำไรหลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นโดดเด่นในเดือนก่อน

📰 ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจัดทำโดย ADP ออกมาตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อน (103k vs 130k vs 106k) โดยภาคการผลิตหดตัวมากขึ้น แต่ภาคบริการยังคงขยายตัว

⏭️ ตัวเลขข้างต้นบ่งชี้การจ้างงานชะลอตัวลงสนับสนุนภาพเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งนี้ติดตามตัวเลขฝั่งแรงงานสำคัญเช่น Nonfarm payroll, Unemployment rate, Average hourly earnings ในคืนวันศุกร์ หากออกมาตามคาดหรือชะลอตัวเล็กน้อยน่าจะส่งผลดีต่อตลาด จากภาพเศรษฐกิจชะลอตัวแต่อาจไม่ถดถอย (Soft landing) แต่หากออกมาชะลอตัวกว่าคาดมากอย่างมีนัยยะ อาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นแทนเนื่องจากนักลงทุนอาจกังวลเศรษฐกิจถดถอย (Hard landing)

📰 Google เปิดตัว “Gemini” ซึ่งเป็น AI model ล่าสุดของบริษัทโดยจะแบ่งเป็น 3  เวอร์ชั่นได้แก่ Gemini Ultra ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด, Gemini Pro สำหรับการใช้งานที่หลากหลายและ Gemini Nano สำหรับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงและใช้ในมือถือ ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดให้กลุ่มลูกค้าองค์กรและกลุ่ม developer สามารถใช้งานได้ผ่าน Google Cloud โดยเริ่มต้น 13 ธ.ค. แต่ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนสำหรับการเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปในวงกว้าง

⏭️ การรายงานดังกล่าวถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกของบริษัท หลังจากก่อนหน้านี้มีแรงกดดันและการตั้งคำถามจากนักลงทุนถึงความสามารถในการแข่งขันด้าน Generative AI และการเติบโตของ cloud computing ที่ชะลอตัวลง แต่ต้องติดตามต่อไปว่าใครจะเป็นผู้นำและสามารถสร้างรายได้ในตลาด Generative AI ในระยะข้างหน้า

📰 ตัวเลขยอดค้าปลีกยุโรปเดือนต.ค.ออกมาหดตัวมากกว่าคาดเล็กน้อยแต่น้อยลงกว่าเดือนก่อน (-1.2% vs -1.1% vs -2.9%YoY)

📰 รายงานของธนาคารกลางอังกฤษเตือนว่าเศรษฐกิจยังไม่ได้รับผลกระทบเต็มที่จากระดับดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 15 ปี ส่งผลให้ภาคครัวเรือน, ภาคธุรกิจและภาครัฐยังต้องเผชิญความท้าทายต่อไปในระยะข้างหน้า แต่ยังเชื่อมั่นว่าระบบการเงินที่แข็งแกร่งของอังกฤษจะสามารถรับมือผ่านไปได้

📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกเป็นส่วนใหญ่ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีแรงซื้อกลับเข้ามา หลังผลสำรวจ Reuters Tankan บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ผลิตญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นทางธุรกิจมากขึ้นและตลาดหุ้นจีนที่เห็นการฟื้นตัวขึ้นบ้างหลังปรับตัวลงแรงช่วงก่อนหน้าจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว

📰 ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงตํ่ากว่าระดับ $70/bbl ถึงแม้การรายงานสต๊อกนํ้ามันดิบจาก EIA ลดลงมากกว่าคาด (4.6 ล้านบาร์เรล vs 1.3 ล้านบาร์เรล) แต่นักลงทุนไปให้ความสำคัญกับสต๊อกนํ้ามันเบนซินที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด (5.4 ล้านบาร์เรล vs 1 ล้านบาร์เรล) ขณะที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่าสมาชิก OPEC จะปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงหรือไม่ หลังจากOPEC+ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการกำหนดโควต้าอย่างเป็นทางการใน1Q24 ในสัปดาห์ก่อน

🔰 Outlook & Implication

✅️ ระยะสั้นคาดตลาดอาจพักฐานหรือแกว่งตัวในกรอบ หลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาเร็วและแรง แต่เริ่มขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพระยะกลาง 1-2 เดือน จากปัจจัยมหภาคเริ่มผ่อนคลายและสถิติในอดีตเชิงฤดูกาลสนับสนุนการฟื้นตัว

✅️ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง-สูงแนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก SCBINCA ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น, อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีและสำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะยามที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า

✅️ กลุ่มหุ้นคุณภาพสูงที่คาดว่าจะสามารถทนทานในสภาวะดอกเบี้ยสูงและช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจได้ดีกว่าตลาดโดยรวมได้แก่ SCBGQUAL, SCBPGF

✅️ ตลาดหุ้นไทยถึงแม้จะปรับตัวลงแย่กว่าภูมิภาคและหุ้นทั่วโลกตลอดทั้งปี แต่กลับมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อลุ้นการฟื้นตัวในปีหน้าจากปัจจัยสนับสนุน 1) ทิศทางหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าและตลาดหุ้นไทยมักฟื้นตัวขึ้นได้ 2) แนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นจากปีนี้ สวนทางหลายประเทศทั่วโลกที่จะชะลอตัวลง 3) คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะกลับมาขยายตัวขึ้นอีกครั้งในปีหน้า หลังจากปีนี้หดตัวติดลบ 4) ระดับมูลถูกกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี น่าสนใจลงทุน

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก