📈Market update📈

📍 Major Equity Indices: S&P500-0.20%, NASDAQ-0.18%,STOXX600-0.73%, Nikkei225-0.25%, HSCEI-1.87%, CSI300-0.77%, KOSPI-0.55%, NIFTY50+0.05%, SET-0.42%, VNINDEX+0.23%

📍 Sector Return: Utilities-XLU(+1.14%), Communication Services-XLC(+0.77%), Real Estate-XLRE(+0.50%), Technology-XLK(-0.62%), Energy-XLE(-0.55%)

📍 USBY2Y 4.94%,USBY10Y 3.93%, WTI $71.79/bbl, Gold $1,915.30/oz, DXY 103.37

📍 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัวหลังรายงานการประชุม (FOMC Minutes) บ่งชี้ว่ากรรมการส่วนใหญ่คาดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์  ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัวต่อเนื่อง

📍 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการยุโรป (PMI Services) เดือนมิ.ย. ออกมาตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อนหน้า (52.0 vs 52.4 vs 55.1) แต่ยังอยู่โซนขยายตัวมากกว่า 50 จุด

📍 รายงานดังกล่าวหนุนมุมมองเชิงลบเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นยุโรปของเรา แนวโน้มเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนชะลอตัว รวมถึงนโยบายการเงินที่ยังมีทิศทางตึงตัวต่อไป คาดว่าจะเป็นปัจจัยกดดันภาพตลาดหุ้นยุโรประยะสั้น-กลาง

📍 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกลบสลับกันไป ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงนำภูมิภาคหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาตํ่ากว่าคาดต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเริ่มพักตัวหลังปรับตัวทะลุ 1,500 จุด

📍 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ Caixin PMI Services ของจีนออกมาตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อน (53.9 vs 56.2 vs 57.1) แม้จะยังอยู่ในโซนขยายตัวเกิน 50 จุดก็ตาม ส่งผลกดดันตลาดหุ้นจีนเมื่อวาน

📍 เรามีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น จากทิศทางตลาดที่น่าจะแกว่งตัวผันผวนสูงแต่ไร้ทิศทางชัดเจน จนกว่าจะเห็นนโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อลุ้นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนในระยะกลาง-ยาว จากระดับมูลค่าที่ถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและปัจจัยลบที่ซึมซับไปในราคาหุ้นค่อนข้างมากแล้ว

📍 สมาคมฯรถยนต์โดยสารแห่งประเทศจีนประเมินว่ายานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนจะสามารถขยายตัวแข็งแกร่งและคาดว่าจะทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย. และยังคาดการณ์ว่าในปี 2023 ยอดขาย NEV ในจีนจะสูงถึง 8.5 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็น 36% ของรถยนต์โดยรวมทุกประเภท

📍 บริษัท Volvo Cars ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดนเปิดเผยยอดขายรถเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 33%YoY ซึ่งมาจากแรงหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทที่เพิ่มขึ้นสี่เท่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

📍 การทยอยรายงานยอดขายรถ EV ที่ฟื้นตัวดีขึ้นของหลายค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ, ยุโรปและจีน ช่วยสนับสนุนมุมมองเชิงบวกของเราต่อกลุ่มอุตสาหกรรม EV ที่น่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในระยะสั้น-กลาง

📍 ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนมิ.ย. ออกมาที่ 0.23% YoY ตํ่ากว่าเดือนก่อนและเป็นการชะลอตัวลง 6 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากราคาสินค้าหมวดอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และราคานํ้ามันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 6 เดือนแรกอยู่ที่ 2.49%YoY ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อนหน้า (1.32% vs 1.40% vs 1.55%YoY) ชะลอตัวลงต่อเนื่องเช่นกัน ส่งผลให้ค่าเฉลี่ย 6 เดือนแรกอยู่ที่ 1.87%YoY

📍 รายงานดังกล่าวอาจส่งผลต่อการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับการประชุม กนง. ในวันที่ 2 ส.ค. ซึ่งส่วนใหญ่ยังมองโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ทั้งนี้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนกลุ่มตราสารหนี้ไทยระยะกลาง-ยาวจากระดับดอกเบี้ยที่สูงและความเสี่ยงขาลงของราคาจากการขึ้นดอกเบี้ยเริ่มจำกัดจากแนวโน้มเงินเฟ้อไทยชะลอตัวต่อเนื่อง

🔔 Outlook & Implication 🔔

💥ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เรามองจังหวะที่ตลาดปรับย่อตัวลงมาเป็นโอกาสทยอยแบ่งไม้สะสมในกลุ่มหุ้นคุณภาพ (SCBGQUAL) และกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี (SCBNDQ/ SCBDIGI) ที่คาดว่าจะ outperform ในสภาวะดอกเบี้ยสูงค้างยาวและเศรษฐกิจอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรยังไม่ถดถอย

💥กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวและมีการเติบโตที่น่าสนใจในระยะกลาง-ยาว 1) SCBTRAVEL กองทุนที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและช่วง High season การท่องเที่ยวในฝั่งตะวันตกคาดช่วยหนุนการเติบโตเชิงฤดูกาล 2) SCBEV  กองทุนที่ได้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุน EV รอบใหม่ของจีนและ Inflation Reduction Act ของสหรัฐฯ ที่ยังดำรงอยู่ต่อไปหลังผ่านการเพิ่มเพดานหนี้

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก