Morning Update by SCBAM

Major Equity Indices: S&P500+0.11%, NASDAQ+0.23%, Russell2000+0.54%

STOXX600+0.29%, Nikkei225-0.97%, HSCEI-1.44%, CSI300-0.36%, KOSPI-1.68%, NIFTY-0.08%, SET-0.27%, VNINDEX-1.21%, TH Reits+0.30%, SG Reits-0.39%

Sector Return: Communication Services-XLC(+0.79%), Energy-XLE(+0.68%), Technology-XLK(+0.27%), Health Care-XLV(-0.11%), Utilities-XLU(-0.40%), Consumer Staples-XLP(-1.10%),

USBY2Y 4.67%, USBY10Y 4.35%, WTI $85.43/bbl, Gold $2,300.0/oz, DXY 104.25

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดบวกได้เล็กน้อยนำโดยกลุ่มหุ้นขนาดเล็ก หลังดัชนีชี้นำเศรษฐกิจออกมาชะลอตัวส่งสัญญาณบวกต่อแนวโน้มเงินเฟ้ออาจชะลอตัวในระยะข้างหน้า

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯกล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและการใช้นโยบายการเงินของ Fed โดยย้ำว่าไม่ได้เร่งรีบในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนกว่าจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน

ถ้อยแถลงดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่ประธาน Fed กล่าวไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังการรายงานเงินเฟ้อ PCE สิ่งที่สำคัญที่ต้องติดตามในสุดสัปดาห์นี้ได้แก่ตัวเลขฝั่งแรงงานสำคัญ Nonfarm Payroll, Avg. Hourly Earnings, Unemployment Rate หากออกมาสะท้อนภาพตลาดแรงงานชะลอตัวคาดจะส่งผลดีต่อทิศทางตลาดหุ้น

ดัชนี ISM ภาคบริการสหรัฐฯ เดือนมี.ค. ออกมาต่ำคาดและเดือนก่อน (51.4 vs 52.8 vs 52.6) โดยเฉพาะใน Prices (53.4 vs 58.4 vs 58.6) ที่เห็นการอ่อนตัวลงแรง

รายงานข้างต้นถือเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มเงินเฟ้อโดยเฉพาะ core services ex housing อาจเริ่มชะลอตัวในระยะข้างหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนฮ่องกงและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติ

นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่นใช้ “มาตรการเด็ดขาด” เพื่อให้ประเทศบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 6.5% ในปี 2567 หลังการรายงาน GDP1Q24 ขยายตัว 5.66% ใน 1Q24 ซึ่งเป็น Q1 ที่ขยายตัวแรงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 แต่ถือว่าชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ 4Q23 ที่ขยายตัวถึง 6.7%

รายงานข้างต้นเรามองเป็นสัญญาณบวกว่าภาครัฐมีความตั้งใจที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตและอาจได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการเติบโต ทั้งนี้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเวียดนามจากแนวโน้มการเติบโตและระดับมูลค่าที่ไม่แพง แต่แนวโน้มระยะสั้นอาจมีความเสี่ยงปรับย่อลงจากสถิติเชิงฤดูกาลในเดือนเม.ย. ตลาดหุ้นเวียดนามมักปรับตัวลงถึง 6 จาก 10 ปีหลังสุด ซึ่งเรามองเป็นโอกาสเข้าทยอยสะสมกองทุนแนะนำ SCBVIET

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวบวกขึ้นช่วงแรกรับข่าว OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตตามคาด โดยยังคงปรับลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจของประเทศสมาชิก โดยที่ซาอุยังปรับลดกำลังการผลิตจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ลดช่วงบวกลงหลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางตลาดคาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล

Outlook & Implication

️สำหรับตลาดหุ้นเรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการลงทุนระยะ 3 เดือนข้างหน้า แต่หลังจบช่วงการประกาศงบ นักลงทุนอาจหันไปให้ความสำคัญต่อปัจจัยมหภาคมากขึ้น ทั้งนี้ผลการประชุม Fed ที่ออกมาผ่อนคลายมากกว่าคาดอาจหนุนตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อไปได้ แต่การปรับตัวขึ้นโดยไม่หยุดพักสร้างฐานเลยจะทำให้ตลาดเปราะบางและอ่อนไหวต่อข่าวร้ายมากขึ้นในระยะข้างหน้า สรุปคำแนะนำ ถือลงทุนต่อได้และรอจังหวะเข้าลงทุนเพิ่มหากปรับย่อ

️ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนี KOSPI ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านที่ 2,690 จุด ส่งผลต่อภาพทางเทคนิคดูดีมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนจากการฟื้นตัวของ Semiconductor Cycle และ Value Up program ที่คาดว่าจะช่วยปลดล็อคมูลค่าของบริษัทในตลาดเหมือนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ประกอบกับระดับมูลค่าที่ไม่แพง เราจึงแนะนำลงทุนหุ้นเกาหลีใต้ผ่านกองทุน SCBKEQTG

️ สำหรับสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มดอกเบี้ยอย่าง Bonds และ REITs เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น หลังนักลงทุนเริ่มปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยในปีนี้มาใกล้เคียงกับมุมมองของ Fed แล้วดังนั้นจึงเป็นจังหวะทยอยสะสมหนึ่งในธีมหลักของเรา “Attractive Yield Plays” กองทุนแนะนำ SCBDBOND (กองตราสารหนี้ในประเทศ), SCBINC (กองตราสารหนี้โลก) และ SCBPINA (กอง REITs ไทยและสิงคโปร์)

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก