Thailand Web Stat

SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566

🟣Morning Update by SCBAM

📍Market update📍

📊 Major Equity Indices: S&P500+0.74%, NASDAQ+1.13%, STOXX600+0.10%, Nikkei225-0.59%, HSCEI+2.16%, CSI300+0.23%, KOSPI+0.86%, NIFTY-0.19%, SET+0.26%, VNINDEX+0.22%, TH Reits+1.40%, SG Reits+0.49%

📊 Sector Return: Technology-XLK(+1.45%), Communication Services-XLC(+1.13%), Real Estate-XLRE(+0.78%), Energy-XLE(-0.14%), Consumer Staples-XLP(-0.07%), Utilities-XLU(-0.31%)

📊 USBY2Y 4.91%, USBY10Y 4.42%, WTI $77.6/bbl, Gold $1,978.07/oz, DXY 103.49

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก นำโดยกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี โดย NASDAQ100 แตะระดับสูงสุดในรอบ 22 เดือน จากความคาดหวังว่า Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 20 ปี ยังมีความต้องการแข็งแกร่ง ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับตัวลง

📰 ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสูดใหม่ ก่อนจะมีการรายงานผลประกอบการ 3Q23 ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่ารายได้จะเติบโตสูงถึง 170%YoY จากความต้องการ generative AI ที่ยังแข็งแกร่ง

⏭️ ติดตามการรายงานผลประกอบการ Nvidia ในคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรม AI หากออกมาตามคาด หรือ ดีกว่าคาด จะเป็น sentiment เชิงบวกหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นต่อในระยะสั้น

📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกขึ้นเป็นส่วนใหญ่ จากดัชนี Dollar index กลับมาอ่อนค่า ช่วยหนุนกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า

📰 รายงาน GDP3Q23 ของไทยขยายตัวตํ่ากว่าคาด และชะลอลงจากเดือนก่อน (+1.5% vs est.+2.2%YoY vs prev.+1.8%YoY) โดยปัจจัยสำคัญมาจากการส่งออก, การผลิตในประเทศ และการใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอตัวลง ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนรวมยังขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้สศช ปรับคาดการณ์การเติบโตของ GDP ปี 2566 ลดลงมาที่ 2.5% ขณะที่ปี 2567 คาด GDP ขยายตัวในกรอบ 2.7-3.7%

⏭️ แม้ว่า GDP3Q23 จะออกมาต่ำกว่าตลาดคาด แต่ SET index ย่อตัวลงในช่วงแรก ก่อนกลับมาปิดบวกได้ เรามองว่า เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้ดีในปีหน้า สวนทางกับเศรษฐกิจในฝั่งตะวันตกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ้มเติม จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการเติบโตของ GDP เราจึงยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย หนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจ และเงินบาทที่เริ่มแข็งค่า

📰 PBOC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี ที่ 3.45% และ LPR ประเภท 5 ปี ที่ 4.20% ตามตลาดคาด

⏭️ PBOC ค่อนข้างมีข้อจำกัดในการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากจะส่งผลต่อค่าเงินหยวนและการไหลออกของเงินทุน ทางการจึงหันมาใช้การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและรองรับการออกพันธบัตรในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบจำนวน 1.45 ล้านล้านหยวน ผ่านทางโครงการ MLF ทั้งนี้หากมาตรการกระตุ้นเริ่มช่วยหนุนเศรษฐกิจจีนให้ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในระยะถัดไป คาดว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนและหนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

🔰 Outlook & Implication

✅️ ปัจจัยมหภาคเริ่มผ่อนคลายและสถิติในอดีตเชิงฤดูกาลสนับสนุนการฟื้นตัวระยะสั้น อย่างไรก็ตามจากปัจจัยสภาพคล่องโลกที่ยังลดลงต่อเนื่องและระดับมูลค่าตราสารหนี้ที่ดูจูงใจกว่าในเชิงเปรียบเทียบกับตลาดหุ้น  อาจจำกัดการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลกระยะกลาง 3-6 เดือนข้างหน้า เราจึงมองการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลกรอบนี้เป็นโอกาสในการปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลมากขึ้น

✅️ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง-สูงแนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก SCBINCA ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น, อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีและสำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะยามที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า

✅️ กลุ่มหุ้นคุณภาพสูงที่คาดว่าจะสามารถทนทานในสภาวะดอกเบี้ยสูงและช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจได้ดีกว่าตลาดโดยรวมได้แก่ SCBGQUAL, SCBPGF

✅️ ตลาดหุ้นเวียดนามน่าสนใจในมุมระดับมูลค่าถูกเมื่อเทียบตัวเองในอดีตและภูมิภาค ขณะที่เศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง หากประเด็นความกังวลเรื่องสภาพคล่องของ Vingroup ไม่ขยายวงและค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่า เราคาดหวังการฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นโลกแนะนำลงทุนกองทุน SCBVIET โดยดัชนี VN index ที่ตํ่ากว่า 1,100 จุดเป็นระดับที่น่าสะสมแบ่งไม้ลงทุน

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก