SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2566
Morning Update by SCBAM
Market update
Major Equity Indices: S&P500-1.47%, NASDAQ-1.50%, STOXX600+0.19%, Nikkei225+1.37%, HSCEI+0.36%, CSI300-1.10%, KOSPI+1.78%, NIFTY-1.41%, SET+0.39%, VNINDEX+0.41%, TH Reits+0.03%, SG Reits-0.15%
Sector Return: Communication Services-XLC(-0.77%), Energy-XLE(-0.93%), Real Estate-XLRE(-1.26%), Consumer Discretionary-XLY(-1.82%), Consumer Staples-XLP(-1.94%), Utilities-XLU(-2.03%)
USBY2Y 4.33%, USBY10Y 3.85%, WTI $74.22/bbl, Gold $2,031.39/oz, DXY 102.41
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวกต่อเนื่องมา 9 วันติดต่อกัน
ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ เดือนพ.ย. ออกมาสูงกว่าคาดและเดือนก่อน (3.82M vs 3.78M vs 3.79M) และกลับมาขยายตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 0.8%MoM บ่งชี้ตลาดอสังหาสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนธ.ค. ออกมาสูงกว่าคาดและเดือนก่อนหน้า (110.7 vs 103.8 vs 101.0) สะท้อนผู้บริโภคคลายความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยและมั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบันและ 6 เดือนข้างหน้า
ดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยกลับมาแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เริ่มสร้างความกังวลต่อนักลงทุนบางส่วนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจขยายตัวดีกว่าคาด (No Landings) จนทำให้เงินเฟ้อและดอกเบี้ยอาจไม่ลดลงเร็วตามที่ตลาดคาดหวัง
ดัชนีเงินเฟ้ออังกฤษ (CPI) ออกมาตํ่ากว่าคาดทั้งเทียบรายเดือน (-0.2% vs 0.2% vs 0.0%MoM) และเทียบรายปี (3.9% vs 4.3% vs 4.6%YoY) สะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อเนื่องและช่วยหนุน sentiment บวกต่อตลาดหุ้นยุโรปโดยรวม
ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกลบสลับกันไปไร้ทิศทางชัดเจน ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีไว้ที่ระดับ 3.45% และประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.20% ตามตลาดคาด ทั้งนี้ PBOC ตัดสินใจคงดอกเบี้ย LPR หลังมีมติคงดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นดอกเบี้ยนโยบายของจีนที่ระดับ 2.50% เมื่อสัปดาห์ก่อนและได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบจำนวน 8 แสนล้านหยวน
อ้างอิงความเห็นจากหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics มองว่า PBOC อาจต้องการเวลาในการประเมินผลกระทบจากการใช้นโยบายทางการคลังและมาตรการกระตุ้นอสังหาในช่วงที่ผ่านมาก่อนที่จะตัดสินใจปรับดอกเบี้ยอีกครั้ง
BofA Fund Manager Survey ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของ Fund Manager ทั่วโลกในช่วงวันที่ 8-14 เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาพบสาระสำคัญดังนี้
1) ภาพ Macro: Fund managers ส่วนใหญ่ราว 70% มองภาพเศรษฐกิจในปี 2024 จะไม่ถดถอย (Soft + No landing) ขณะที่ผู้สำรวจกว่า 80% มองเงินเฟ้อและดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดลงในปีหน้า
2) FMS sentiment ซึ่งเป็นการรวมชุดข้อมูลจาก cash position, equity allocation และ economic growth expectations ปรับตัวขึ้นและสูงสุดตั้งแต่ ม.ค. 2022 แสดงถึงผู้สำรวจกลับมามีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นต่อเนื่อง
3) Cash Level: ระดับเงินสดปรับตัวลดลงต่อเนื่องจาก 4.7% ในเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 4.5% (ระดับเงินสดเกิน 5% เป็นสัญญาณซื้อ, ระดับเงินสดตํ่ากว่า 4% เป็นสัญญาณขายของ BofA)
4) Fund managers Positioning ได้มีการ Overweight Bonds, Telecom, Healthcare และ US ขณะที่มีการ Underweight REITs, Cash, Industrials และ Materials มากที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา สำหรับ Most Crowded Trade ได้แก่ ซื้อกลุ่มหุ้น MAG7(49%), ขายกลุ่มหุ้นจีน(22%) และซื้อกลุ่มหุ้นญี่ปุ่น (8%)
5) หากมีการลดดอกเบี้ยภายในครึ่งแรกของปีหน้า 2024 ผู้สำรวจส่วนใหญ่มองว่าการลงทุนกลุ่ม US Treasury อายุยาวและการลงทุนกลุ่มหุ้นเติบโตสูงจะให้ผลตอบแทนสูงสุด
6) ความเสี่ยงที่ Fund managers กังวลที่สุดได้แก่ 1) ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย(32%) 2) ความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงลากยาวทำให้ธนาคารกลางต้องดำเนินนโยบายตึงตัวต่อไป(27%) 3) ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์(17%)
7) ส่วนทางฝั่งเอเชีย ผู้สำรวจส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเอเชีย จากแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นปีหน้าและระดับมูลค่ายังถูกน่าสนใจลงทุน โดยกลุ่มประเทศที่ผู้สำรวจ Overweight มากสุดได้แก่ ไต้หวัน, เกาหลีใต้และอินเดีย ขณะที่ยัง Underweight จีนอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผู้สำรวจ Overweight มากสุดได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีนำโดย semi, hardware และ software ตามลำดับ
8) สำหรับจีนผู้สำรวจส่วนใหญ่ราว 34% อยู่ในโหมด wait & see ดูพัฒนาการเชิงบวกที่ชัดเจนสากกว่านี้ถึงจะกลับมาพิจารณาเพิ่มสถานะ ขณะที่ผู้สำรวจราว 28% มองหาโอกาสการลงทุนที่อื่นแทน โดยส่วนใหญ่มองว่าครัวเรือนของจีนแม้มีเงินออมส่วนเกินอยู่แต่กลับไม่กล้าใช้จ่ายจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
Outlook & Implication
️ระยะสั้นคาดตลาดอาจพักฐานหรือแกว่งตัวในกรอบ หลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาเร็วและแรง แต่เริ่มขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพระยะกลาง 1-2 เดือน จากปัจจัยมหภาคเริ่มผ่อนคลายและสถิติในอดีตเชิงฤดูกาลสนับสนุนการฟื้นตัว
️สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง-สูงแนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก SCBINCA ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น, อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีและสำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะยามที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า
️กลุ่มหุ้นคุณภาพสูงที่คาดว่าจะสามารถทนทานในสภาวะดอกเบี้ยสูงและช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจได้ดีกว่าตลาดโดยรวมได้แก่ SCBGQUAL, SCBPGF
️ตลาดหุ้นไทยถึงแม้จะปรับตัวลงแย่กว่าภูมิภาคและหุ้นทั่วโลกตลอดทั้งปี แต่กลับมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อลุ้นการฟื้นตัวในปีหน้าจากปัจจัยสนับสนุน 1) ทิศทางหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าและตลาดหุ้นไทยมักฟื้นตัวขึ้นได้ 2) แนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นจากปีนี้ สวนทางหลายประเทศทั่วโลกที่จะชะลอตัวลง 3) คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะกลับมาขยายตัวขึ้นอีกครั้งในปีหน้า หลังจากปีนี้หดตัวติดลบ 4) ระดับมูลถูกกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี น่าสนใจลงทุน
แหล่งที่มา : SCBAM
แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก