SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567
📍Market update📍
📊 Major Equity Indices: S&P500+0.02%, NASDAQ-0.26%, Russell2000-0.94% STOXX600-0.13%, Nikkei225-1.66%, HSCEI+0.05%, CSI300+0.62%, KOSPI-2.64%, NIFTY-1.36%, SET+0.44%, VNINDEX+0.10%, TH Reits-0.15%, SG Reits-0.26%, Global REITs-1.32%
📊 Sector Return: Consumer Discretionary-XLY(+0.85%), Real Estate-XLRE(+0.79%), Energy-XLE(+0.78%), Utilities-XLU(-0.18%), Health Care-XLV(-0.26%), Technology-XLK(-0.35%)
📊 USBY2Y 4.29%, USBY10Y 4.45%, WTI $68.43/bbl (+0.5%), Gold 2,572.98/oz (-1.0%), DXY 106.51
📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างทรงตัว เห็นแรงขายทำกำไรและพักตัวบ้าง หลังปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในสัปดาห์ก่อน แต่ภาพการลงทุนยังค่อนข้างสดใสในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า
📰 ดัชนีเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯ (CPI) เดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือนเป็นไปตามคาดและเท่ากับเดือนก่อน (0.2% vs 0.2% vs 0.2%MoM) เมื่อเทียบรายปีเป็นไปตามคาดแต่สูงกว่าเดือนก่อน (2.6% vs 2.6% vs 2.4%YoY)
📰 ดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (Core CPI) เดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือนเป็นไปตามคาดและเท่ากับเดือนก่อน (0.3% vs 0.3% vs 0.3%MoM) เมื่อเทียบรายปีเป็นไปตามคาดและเท่ากับเดือนก่อนเช่นกัน (3.3% vs 3.3% vs 3.3%YoY)
⏭️ รายงานดังกล่าว ช่วยเพิ่มโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยตาม Dot Plot ในการประชุมเดือนหน้า FedWatch Tool ล่าสุด เพิ่มความน่าจะเป็นขึ้นจาก 58.7% เป็น 80.8% ที่จะลดดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมเดือนธ.ค. สอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้าว่า Fed จะดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อไปในภาพระยะสั้น
📰 ผู้ออกแบบชิปประมวลผลทั้ง CPU และ GPU ชั้นนำของโลกประกาศแผนลดพนักงานทั่วโลกลงราว 4% ซึ่งบริษัทมีพนักงานทั้งหมดราว 26,000 คนเมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าเป็นผลจากความพยายามที่จะโฟกัสแข่งขันในตลาด AI ที่มีโอกาสการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ
⏭️ ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงราว 3% จากความเสี่ยงสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ยังกดดันภาพอุตสาหกรรม Semi โดยรวม และนักลงทุนบางส่วนยังคงสงสัยถึงความสามารถในการแข่งขันของบริษัทว่าจะแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากทาง Nvidia ได้จริงหรือไม่
📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกลบสลับกันไป ตลาดหุ้นเกาหลีใต้, ญี่ปุ่นและอินเดีย ลงแรงกว่าภูมิภาค
📰 ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความกังวลเงินเฟ้อเร่งตัวสูงกว่าคาด ดัชนี CPI เดือนต.ค. พุ่งขึ้น 6.21%YoY สูงกว่าคาดที่ซึ่งเป็นระดับ 5.81%YoY และสูงสุดในรอบ 14 เดือนราคาผักและอาหารที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหลักหนุนการเร่งตัวดังกล่าว ส่งผลให้ RBI อาจชะลอการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
⏭️ เรามีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นอินเดีย แม้อาจทนทานต่อสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน มากกว่าภูมิภาค แต่แนวโน้มกำไรบริษัทที่อาจถูกปรับคาดการณ์ลงและเงินเฟ้อที่เร่งตัวอาจกดดันทิศทางตลาดระยะสั้น
📰 ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลงแรงนำโดยหุ้น Samsung Electronics ซึ่งร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี จากนโยบายภาษีของคุณ Trump ที่คาดว่าจะส่งผลลบต่อกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ที่มีสัดส่วนการส่งออกสูง
⏭️ เรามีมุมมองเป็นกลางและแนะนำคงสถานะลงทุนต่อตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ด้วยระดับ Valuation ที่อยู่ในโซนถูกมากเทียบค่าเฉลี่ยในอดีต (Forward 12m P/E ที่ 8.7 เท่า หรือ -1.4SD) สะท้อนความผิดหวังจากการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาดของกลุ่ม Consumer Electronics และความเสี่ยงทางการค้าดังกล่าวไปพอสมควร แต่ระยะสั้นตลาดหุ้นอาจผันผวนสูงและแกว่งตัวออกข้างไปก่อน เนื่องจากยังขาดปัจจัยหนุนการฟื้นตัว
🔰Outlook & Implication
📈 ระยะสั้นอาจเห็นการพักตัวลงบ้างของตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่มองเป็นโอกาสทยอยสะสม เนื่องจากทิศทางตลาดการเงินในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า ยังคาดว่าจะสนับสนุนสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป โดยเฉพาะกลุ่ม Trump Trade เป็นหลัก ประกอบกับดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ เป็นไปตามคาด หนุนโอกาส Fed ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้
✅️ กองทุนแนะนำในกรณี Trump ชนะการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ แบบไม่เป็นทางการและพรรค Republican ครองเสียงส่วนใหญ่ทั้งสภาบนและสภาล่าง (Red Sweep) มีดังนี้
▶️SCBS&P500/ SCBNDQA/ SCBDJI (Accumulate Buy) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับตัวโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโลกโดยรวม จากนโยบายของ Trump ที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ เป็นหลัก
▶️SCBRS2000/ SCBUSSM (Accumulate Buy) กลุ่มหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ คาดฟื้นตัวเด่นจากพื้นฐานที่ดีขึ้นและนโยบายปรับลด Corporate Tax ของ Trump หากเกิดขึ้นจะช่วยหนุนกลุ่มหุ้นขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ ประกอบกับสถิติเชิงฤดูกาลและหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ มักปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดรวม
▶️SCBGOLD (Accumulate Buy) ระยะสั้นมีโอกาสพักฐานก่อน เพราะ Geopolitical Risk (รัสเซีย-ยูเครน) อาจลดระดับความตึงเครียดลง แต่ในระยะกลาง-ยาว ทองคำมีโอกาสปรับขึ้นจากฐานะการคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงในระยะยาว รวมถึง เงินเฟ้อมีโอกาสปรับขึ้นจากนโยบายกระตุ้นของ Trump
แหล่งที่มา : SCBAM
แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก