Thailand Web Stat

SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2566

📈Market update📈

📍 Major Equity Indices: S&P500+0.74%, NASDAQ+1.15%, STOXX600+1.51%, Nikkei225-0.81%, HSCEI+1.30%, CSI300-0.67%, KOSPI+0.48%, NIFTY50-0.28%, SET-0.39%, VNINDEX+0.21%

📍 Sector Return: Utilities-XLU(+1.46%), Communication Services-XLC(+1.21%), Technology-XLK(+1.13%), Industrial-XLI(-0.17%), Healthcare-XLV(-0.27%)

📍 USBY2Y 4.75%,USBY10Y 3.86%, WTI $75.75/bbl, Gold $1,957.35/oz, DXY 100.52

📍 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวกขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯต่างออกมาตํ่ากว่าคาด เพิ่มความคาดหวังใกล้จบรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นได้ดีเช่นกันตาม sentiment ตลาดสหรัฐฯ

📍 ดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปสหรัฐฯ (CPI) เดือนมิ.ย. ออกมาตํ่ากว่าคาดทั้งเทียบรายเดือน (0.2% vs 0.3% vs 0.1%MoM) และรายปี(3.0% vs 3.1% vs 4.0%YoY) ซึ่งเป็นระดับตํ่าสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนมิ.ย. ออกมาตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อนหน้าทั้งเทียบรายเดือน(0.2% vs 0.3% vs 0.4%MoM) และเทียบรายปี (4.8% vs 5.0% vs 5.3%YoY) เช่นกัน โดยราคาอาหาร, ราคารถยนต์มือสองและราคาตั๋วเครื่องบินที่ชะลอตัวลงช่วยกดเงินเฟ้อโดยรวมลงแม้ราคาที่อยู่อาศัยจะยังเพิ่มขึ้นก็ตาม

📍 รายงานข้างต้นถือเป็นปัจจัยบวกหนุนตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อและสอดคล้องกับมุมมองของเราที่มองว่าแนวโน้มเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงต่อเนื่องและน่าจะส่งผลให้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ใกล้ถึงจุดสูงสุดเต็มที โดยล่าสุด FedWatch Tool แสดงโอกาส 94.2% ที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 25 bps ในการประชุมเดือนนี้และคงดอกเบี้ยไปตลอดที่เหลือทั้งปี ซึ่งสถิติในอดีตหลัง Fed  ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายตลาดหุ้นโลกมักปรับตัวขึ้นได้ต่อ

📍 GDPNow ซึ่งเป็นแบบจำลองคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ของ Fed สาขา Atlanta ล่าสุด (10/07/23) ปรับการเติบโต GDP2Q23 ขึ้นจาก 2.1% เป็น 2.3% หลังตัวเลขเศรษฐกิจและแรงงานล่าสุดยังทยอยออกมาแข็งแกร่ง

📍 คาดการณ์ข้างต้นสนับสนุนมุมมองของเราว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจและไม่เกิดถดถอยในระยะเวลาอันใกล้ จึงเร็วเกินไปที่จะลดความเสี่ยงและเพิ่มสินทรัพย์ปลอดภัยมากจนเกินไปอาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุนได้

📍 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกลบสลับกันไป ตลาดหุ้นจีนฮ่องกงปรับตัวบวกโดดเด่นกว่าภูมิภาค ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงจากหุ้นกลุ่มส่งออกที่ถูกกดดันหลังค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์และตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงหลังนักลงทุนกลับมากังวลความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกครั้ง

📍 ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมอินเดียเดือน พ.ค. ออกมาดีกว่าคาดและเดือนก่อน (5.2% vs 4.8% vs 4.2%YoY) ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ออกมาสูงกว่าคาดและเดือนก่อน (4.81% vs 4.58% vs 4.31%YoY) แต่ยังถือว่าอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารกลางอินเดียที่ 2-6%

📍 ตัวเลขเศรษฐกิจอินเดียที่ออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ส่งผลให้ระดับมูลค่าของตลาดหุ้นอินเดียยังอยู่ในโซนไม่แพงแม้ราคาหุ้นจะทำจุดสูงสุดใหม่ ดังนั้นเราจึงมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงและอยากเล่นกับโมเมนตัมแนะนำทยอยสะสมเมื่อย่อตัว

📍 กกต. มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีถือหุ้นสื่อ ITV รวมทั้งมีคำขอให้ศาลยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ส่งผลให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมีการนัดหมายชุมนุมกันหลายจังหวัดและที่ Sky Walk หน้าหอศิลป์กรุงเทพเมื่อวาน

📍 ติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ต่อไป ทั้งนี้เรามีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทย โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนต่อไประยะสั้น

 

🔔Outlook & Implication🔔

🔥ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน โดยทยอยแบ่งไม้สะสมลงทุน หากตลาดปรับย่อตัวลงจาก special rebalancing ในดัชนี NASDAQ100 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าในกลุ่มหุ้นคุณภาพ (SCBGQUAL) และกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี (SCBNDQ/ SCBDIGI) โดยมองว่าพื้นฐานการเติบโตไม่เปลี่ยนและได้แรงหนุนการเติบโตจาก AI Boom และน่าจะ Outperform ตลาดในสภาวะ Peak Rate และ Late Cycle

🔥กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวและมีการเติบโตที่น่าสนใจในระยะกลาง-ยาว 1) SCBTRAVEL กองทุนที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและช่วง High season การท่องเที่ยวในฝั่งตะวันตกคาดช่วยหนุนการเติบโตเชิงฤดูกาล 2) SCBEV  กองทุนที่ได้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุน EV รอบใหม่ของจีนและ Inflation Reduction Act ของสหรัฐฯ ที่ยังดำรงอยู่ต่อไปหลังผ่านการเพิ่มเพดานหนี้

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก