Thailand Web Stat

SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 4 กรกฎาคม 2567

🟣Morning Update by SCBAM

📊 Major Equity Indices: S&P500+0.51%, NASDAQ+0.88%, Russell2000+0.14%

STOXX600+0.74%, Nikkei225+1.26%, HSCEI+1.27%, CSI300-0.24%, KOSPI+0.47%, NIFTY+0.67%, SET+0.47%, VNINDEX+0.56%, TH Reits+0.01%, SG Reits-0.19%

📊 Sector Return: Technology-XLK(+1.35%), Materials-XLB(+0.75%), Consumer Discretionary-XLY(+0.64%), Consumer Staples-XLP(-0.17%), Financial-XLF(-0.31%), Health Care-XLV(-0.76%)

📊 USBY2Y 4.71%, USBY10Y 4.36%, WTI $83.88/bbl (+1.3%), Gold $2,356.20/oz (+1.1%), DXY 105.40

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวบวกต่อเนื่อง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังดัชนีเศรษฐกิจชะลอตัว เพิ่มโอกาสที่ Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

📰 ADP เผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ เดือนมิ.ย. ต่ำกว่าตลาดคาดและเดือนก่อนหน้า (150k vs 163k vs 157k) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. นอกจากนี้ ADP รายงานตัวเลขค่าจ้างเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 4.9%YoY ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2021 หลังจากเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนก่อน สะท้อนภาพตลาดแรงงานชะลอตัว

📰 Initial Jobless Claims ออกมาสูงกว่าคาดและรอบก่อน (238k vs 234k vs 234k) ส่วนด้าน Continuing Jobless Claims ออกมาสูงกว่าคาดและรอบก่อนเช่นกัน (1,858k vs 1,840k vs 1,832k)

⏭️ ตัวเลขฝั่งแรงงานข้างต้น หนุนโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ ทั้งนี้ติดตามตัวเลขแรงงานสำคัญที่จะให้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในคืนวันศุกร์ได้แก่ Unemployment Rate, Nonfarm Payrolls และ Average Hourly Earnings

📰 ดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ (ISM services) เดือนมิ.ย. ร่วงลงมากกว่าคาดและเดือนก่อน (48.8 vs 52.5 vs 53.8) ซึ่งถือเป็นโซนหดตัวและต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยได้รับผลกระทบหลักจากการลดลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน

⏭️ ดัชนีข้างต้นบ่งชี้แนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคบริการที่หดตัวในระยะข้างหน้า อาจเป็นปัจจัยหนุนหุ้นขึ้นระยะสั้น เพราะตัวเลขดังกล่าวอาจช่วยให้ Fed เริ่มลดดอกเบี้ยได้ในเดือนก.ย. แต่อาจกลายเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นในระยะถัดไป หากดัชนีดังกล่าวยังคงอยู่ในโซนหดตัวและต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เพราะจะกลับมาสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงความเสี่ยงที่กำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตน้อยลงกว่าตลาดคาด

📰 ตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวบวกหลังดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ HCOB Eurozone Composite PMI ออกมาดีกว่าคาดและอยู่ในโซนขยายตัวและดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) หดตัวแรงกว่าคาด ช่วยลดความกังวลเงินเฟ้อจะกลับมาเร่งตัว

📰 สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมนี (VDA) เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ยกเลิกแผนเก็บภาษีพิเศษรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปและสหรัฐฯ ที่ส่งออกรถจากจีน และมีความเสี่ยงที่จีนจะเรียกเก็บภาษีเป็นการตอบโต้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีอย่างหนัก เนื่องจากเยอรมนีส่งออกรถยนต์ไปจีนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ในปี 2023 มูลค่าการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากเยอรมนีไปยังจีน สูงกว่ามูลค่าการนำเข้ารถยนต์จากจีนถึง 3 เท่า ขณะที่มูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไปยังจีน สูงกว่ามูลค่าการนำเข้าจากจีนถึง 4 เท่า

📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกเป็นส่วนใหญ่ตามทิศทางตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ

📰 ปธน. เกาหลีใต้ ประกาศลดภาษีสำหรับบริษัทที่เพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ภายใต้นโยบายปฏิรูปตลาดทุน (Value Up Program) นอกจากนี้ ปธน.เกาหลีใต้ ยังได้ประกาศมาตรการอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงแพ็คเกจสนับสนุนมูลค่า 25 ล้านล้านวอน (1.798 หมื่นล้านดอลลาร์) สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ “ยังอยู่ในสภาพที่ยากลำบาก”

⏭️ ข่าวข้างต้น สะท้อนถึงพัฒนาการเชิงบวกต่อนโยบายปฏิรูปตลาดทุนของเกาหลีใต้ ประกอบกับ story การฟื้นตัวของวัฏจักร semiconductor โดยรวมและกระแส Gen AI จึงคาดว่าจะช่วยหนุนกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง แนะนำทยอยสะสมลงทุนกองทุนแนะนำ SCBKEQTG

📰 ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 12.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดที่ 680k บาร์เรลทั้งนี้ราคาน้ำมันลดช่วงบวกหลังมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC เพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน

⏭️ ติดตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ หากยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจเพิ่มความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาเร่งตัวอีกครั้งและอาจกดดันทิศทางตลาดหุ้นในระยะถัดไป ทั้งนี้เราคงมุมมองว่าราคาน้ำมันจะแกว่งตัวผันผวนออกข้างมากกว่าปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงและแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

🔰 Outlook & Implication

✅️ ตลาดหุ้นมีโอกาสแกว่งตัวออกข้างในระยะสั้น เพื่อรอปัจจัยในการขับเคลื่อนตลาด ทั้งนี้เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมลงทุนต่อไป บนสมมุติฐานปัจจัยมหภาคที่เป็น “Soft Landing” & “Rate Cut Cycle” โดยสถิติในอดีตบ่งชี้ว่าในปีที่ Fed เริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ถดถอยในระยะ 6 เดือนหลังจากนั้น ตลาดหุ้นโลกมักปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะ 6 เดือนทั้งก่อนและหลัง Fed เริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก ประกอบกับแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตแข็งแกร่ง ทำให้เราคาดว่าการลดดอกเบี้ยแม้เหลือเพียง 1 ครั้งก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นต่อไป

✅️ สำหรับธีมการลงทุนหลักของเราในกรอบระยะเวลา 3-6 เดือนได้แก่ “AI Spreading” (SCBDIGI, SCBSEMI, SCBROBOA, SCBUSA), “Asia in Focus” (SCBKEQTG, SCBVIET)

 

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก