📈Market update

📍 Major Equity Indices: S&P500-1.16% นำลงโดยEnergy-XLE(-4.35%), Financial-XLF(-2.27%), Communication Services-XLC(-1.85%), NASDAQ-1.08%, STOXX600-1.19%, Nikkei225+0.12%, SET-0.05%

📍 USBY2Y 3.99%, USBY10Y  3.43%, WTI $71.64/Barrel, Gold $2,025/oz, DXY 101.94

📍 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลงจากความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ (Debt Ceiling) ที่อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าคาดรวมถึงความกังวลวิกฤตธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ จะนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยขึ้นถึงแม้ JPMorgan ตกลงเข้าซื้อกิจการ FRB แล้วก็ตาม ปัจจัยข้างต้นกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินปรับตัวลงแรงกว่าตลาด ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น

📍 ราคาสัญญานํ้ามันดิบ WTI ปรับตัวลงแรงมาอยู่แถว $71/barrel จากความกังวลอุปสงค์จะหดตัวแรงหากเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ/ยุโรป

📍 Pfizer รายงานยอดขายและกำไรดีกว่าคาด ถึงแม้รายได้จะลดลงจากการจำหน่ายยาและวัคซีนเกี่ยวกับโควิดที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ CEO ของบริษัทมุ่งมั่นพัฒนายาเพื่อใช้ต่อต้านโรคมะเร็ง โดยมีการตกลงในการเข้าซื้อกิจการ Seagen ซึ่งเป็นบริษัท Biotech ที่บริษัทหวังว่าจะเข้ามาช่วยเร่งให้เกิด breakthrough ในการผลิตยารักษามะเร็งได้

📍 AMD หนึ่งในบริษัทชั้นนำกลุ่ม Semiconductor ที่ออกแบบชิปประมวลทั้ง CPU และ GPU รายงานงบออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ให้ Negative Earnings Guidance สำหรับไตรมาสนี้จากรายได้ชิปฝั่ง PC หดตัวลงต่อ ทั้งนี้ CEO บริษัทคาดว่าจะกลับมาเห็นการเติบโตอีกครั้งในครึ่งหลังปี 2023

📍 Starbucks รายงานยอดขายและกำไรดีกว่าคาด หนุนโดยรายได้จากต่างประเทศที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในจีนซึ่งเป็นตลาดอันดับสองของบริษัทเห็นยอดขาย same-store sales กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังลูกค้าเริ่มกลับเข้าร้านมากขึ้นหลังเปิดเมืองและโมเมนตัมน่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาสนี้เดือน เม.ย.​ คาด 3.6% และค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.3% MoM และ +4.2% YoY

📌Investment Strategy

▪️ตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว

ติดตามผลการประชุม Fed โดยเราคาดว่าจะขึ้นอีก 25 bps สอดคล้องกับมุมมองตลาดที่สะท้อนผ่าน FedWatch tool ให้โอกาสขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 86.7% สิ่งที่น่าสนใจคือท่าทีของประธาน Fed ในการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินโดยเราคาดว่าหากส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยและอาจคงต่อไปก่อนเพื่อรอดูแนวโน้มเงินเฟ้อ/เศรษฐกิจ น่าจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวระยะสั้น แต่หากส่งสัญญาณไม่ว่าจะลด/ขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นลงต่อได้ในระยะสั้น

▪️สำหรับตลาดหุ้นเอเชีย

เรามีมุมมองเชิงบวกจากแนวโน้มการเติบโตทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มทรงตัว/อ่อนค่า จากการที่ Fed ใกล้ขึ้นดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด คาดว่าจะช่วยหนุน กระแสเงินไหลกลับเข้าฝั่งเอเชียมากขึ้น แนะนำทยอยสะสม กองทุนหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น (SCBAEM, SCBAXJ(A))

▪️เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีน

ด้วยระดับมูลค่าที่ไม่แพงและคาดหวังการฟื้นตัวหลังเปิดเมืองซึ่งเราคาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในไตรมาสสองนี้ โดยมองความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ตลาดหุ้นปรับฐานแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดหุ้นเริ่มยืนได้และไม่ได้ปรับตัวลงแรงต่อในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ทำให้เรามองเป็นจังหวะในการกลับเข้ามาทยอยสะสมเพิ่มอีกครั้ง กองทุนแนะนำ (SCBCHEQ, SCBASHARES)

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บลน.เว็ลธ์ เมจิก