📈Market update

– Major Equity Indices:

– S&P500+0.09% นำโดย Energy-XLE(+1.53%), Materials-XLB(+0.68%) ขณะที่ Technology-XLK(-0.44%), Real Estate-XLRE(-0.27%) ปรับลง

– NASDAQ-0.29%,

– STOXX600-0.01%,

– Nikkei225+0.10%,

– HSCEI-0.46%,

– CSI300-1.24%,

– KOSPI-0.82%,

– NIFTY50+0.68%,

– SET-0.03%,

– VNINDEX-0.15%

– US BY2Y 4.10%, US BY10Y 3.49%, WTI $78.62/Barrel (-0.11%), Gold $2,003/oz(+0.17%)

DXY 101.32 (-0.49%)

– ตลาดหุ้นสหรัฐฯ/ยุโรปทรงตัว หุ้นกลุ่ม Energy/ Materials ปรับตัวนำตลาด นักลงทุนรอประกาศงบบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ โดยคืนนี้มีกำหนดรายงานบริษัท Biogen, GE, GM, McDonald’s, Alphabet, Microsoft, Texas Instruments และ Visa นอกจากนี้นักลงทุนยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่าง GDP1Q23, PCE และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะรายงานในสัปดาห์นี้

– ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ นำโดยตลาดหุ้นจีนจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความกังวลของนักลงทุนบางส่วนว่าทางการจีนอาจชะลอการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนล่าสุดออกมาฟื้นตัวแข็งแกร่ง

📌Investment Strategy

▪️ตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว

ติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ หากรายงานกำไรต่ำกว่าคาดหรือให้ Guidance เชิงลบ อาจส่งผลกดดันตลาดหุ้นปรับตัวลงต่อในระยะสั้น

▪️สำหรับตลาดหุ้นเอเชีย เรามีมุมมองเชิงบวกจากแนวโน้มการเติบโตทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มทรงตัว/อ่อนค่า จากการที่ Fed ใกล้ขึ้นดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด คาดว่าจะช่วยหนุน กระแสเงินไหลกลับเข้าฝั่งเอเชียมากขึ้น 🌟แนะนำทยอยสะสม กองทุนหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น (SCBAEM, SCBAXJ(A))

▪️เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีน ด้วยระดับมูลค่าที่ไม่แพงและคาดหวังการฟื้นตัวหลังเปิดเมืองซึ่งเราคาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในไตรมาสสองนี้ โดยมองความผันผวนจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้มีความผันผวนสูงขึ้นระยะสั้น ถ้าใครมีอยู่สามารถถือลงทุนต่อ แต่ถ้ายังไม่มีและรับความเสี่ยงได้จำกัด🌟แนะนำให้ wait & see

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บลน.เว็ลธ์ เมจิก