🟣Morning Update by SCBAM

📍Market update📍

📊  Major Equity Indices: S&P500-0.37%, NASDAQ-0.19%, STOXX600-0.24%, Nikkei225-0.79%, HSCEI-1.90%, CSI300+0.61%, KOSPI-1.12%, NIFTY-0.29%, SET-0.38%, VNINDEX+0.78%, TH Reits-0.12%, SG Reits+0.11%

📊  Sector Return: Technology-XLK(+0.25%), Consumer Discretionary-XLY(-0.11%), Consumer Staples-XLP(-0.55%), Financial-XLF(-0.69%), Utilities-XLU(-1.09%), Energy-XLE(-2.38%)

📊  USBY2Y 4.22%, USBY10Y 4.06%, WTI $72.40/bbl, Gold $2,028.44/oz, DXY 103.32

📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนตลอดวันก่อนสุดท้ายปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากการที่ bond yield 10 ปีสหรัฐฯเร่งตัวขึ้น  หลังนักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนมี.ค นี้

📰 ล่าสุด FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.0% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 76.9%

📰 Bond yield 10 ปีสหรัฐฯ ดีดตัวเหนือระดับ 4% ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed

📰 Christopher Waller หนึ่งในสมาชิกบอร์ดของ Fed กล่าวว่า เเนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังมีอยู่ เเต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง และอาจจะไม่รวดเร็วตามที่ตลาดคาดการณ์

📰 สำนักงานสถิติของรัฐบาลเยอรมนี รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค CPI เดือน ธ.ค. 66 ของเยอรมนี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ระดับ (3.7% vs 3.2% YoY)

📰 Morgan Stanley รายงานงบไตรมาส 4/66 โดยธนาคารมีรายได้สูงกว่าที่คาดที่ระดับ ( 1.29 vs 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์) สวนทางกับกำไรที่ต่ำกว่าคาดที่ระดับ  (0.85 vs 1.01 ดอลลาร์/หุ้น)

📰 Goldman Sachs รายงานงบไตรมาส 4/66 โดยธนาคารมีรายได้สูงกว่าที่คาดที่ระดับ (1.132 vs 1.080 หมื่นล้านดอลลาร์) เเละกำไรที่สูงกว่าคาดที่ระดับ  (5.48 vs 3.51 ดอลลาร์/หุ้น)

📰 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเดือนม.ค. ปรับตัวขึ้นดีกว่าเดือนก่อนหน้า เเละดีกว่าที่คาดที่ระดับ (15.2 vs 12.8 vs 12)

⏭️ สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เราคาดว่าเเนวโน้มของจำนวนครั้ง เเละ กรอบเวลาในการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ยังคงมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงนี้ค่อนข้างมาก กลบปัจจัยบวกของการรายงานงบการเงินไตรมาส 4/66  ถึงเเม้ว่ากว่า 78% ของบริษัทที่รายงานงบออกมาเเล้วจะทำได้ดีกว่าคาดก็ตาม เเนะนำติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ รวมถึงการรายงานงบการเงิน เเละอาศัยจังหวะช่วงตลาดปรับย่อตัวเพื่อทยอยสะสมได้

📰 ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ หลังความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนกดดันภาพการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค

⏭️ สำหรับหุ้นในเอเชียอาจต้อง selective ในการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นที่ดีดตัวขึ้นมาเเรงก่อนหน้าทั้ง อินเดีย เเละ ญี่ปุ่น อาจเผชิญเเรงขายทำกำไรในระยะสั้น เเต่เรายังมองว่า momentum ยังคงดีอยู่อาจใช้จังหวะการย่อตัวเพื่อทยอยสะสมสำหรับนักลงทุนที่สนใจ ในขณะที่หุ้นจีน เราคาดว่าหากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง อาจเริ่มเห็นกระเเสเงินลงทุนไหลเข้าได้ เนื่องจากราคายังคง laggard บวกกับ valuation ยังน่าสนใจ

📰 นายเออิจิ มาเอดะ อดีตผู้อำนวยการบริหารของ BOJ คาดการณ์ว่า ผลการเจรจาค่าจ้างประจำปี (Shunto) จะนำไปสู่การปรับขึ้นค่าจ้างราว 4% ซึ่งจะปูทางให้ BOJ ยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบภายในเม.ย.

📰 BOK เปิดเผยว่า ราคานำเข้าของเกาหลีใต้ลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง โดยดัชนีราคานำเข้าในเดือนธ.ค. 66 ลดลง 1.7% MoM หลังจากร่วงลง 4.4% MoM ในเดือนพ.ย.

🔰Outlook & Implication

✅️สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง-สูงแนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก SCBINCA ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น, อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีและสำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะยามที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า

✅️ตลาดหุ้นไทยถึงแม้จะปรับตัวลงแย่กว่าภูมิภาคและหุ้นทั่วโลกตลอดปี 2566 แต่กลับมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อลุ้นการฟื้นตัวในปี 2567 จากปัจจัยสนับสนุน 1) ทิศทางหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าและตลาดหุ้นไทยมักฟื้นตัวขึ้นได้ 2) แนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้นจากปีนี้ สวนทางหลายประเทศทั่วโลกที่จะชะลอตัวลง 3) คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะกลับมาขยายตัวขึ้นอีกครั้งในปี 2567 หลังจากหดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา 4) ระดับมูลถูกกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี น่าสนใจลงทุน

แหล่งที่มา : SCBAM

แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก