SCBAM : Morning Update ประจำวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566
🟣Morning Update by SCBAM
📍Market update📍
📊 Major Equity Indices: S&P500-0.81%, NASDAQ-0.94%,STOXX600+0.84%, Nikkei225+1.49%, HSCEI-0.16%, CSI300+0.05%, KOSPI+0.23%, NIFTY-0.25%, SET-0.48%, VNINDEX+0.04%, TH Reits-0.01%, SG Reits-0.17%
📊 Sector Return: Communication Services-XLC(-0.03%), Energy-XLE(-0.30%), Consumer Staples-XLP(-0.41%), Real Estate-XLRE(-1.53%), Consumer Discretionary-XLY(-1.87%), Healthcare-XLV(-2.07%)
📊 USBY2Y 5.02%, USBY10Y 4.62%, WTI $75.74/bbl, Gold $1,958.55/oz, DXY 105.9
📰 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลงหลัง US Bond Yield กลับมาปรับตัวสูงขึ้นจากผลการประมูลพันธบัตนรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีบ่งชี้ความต้องการที่อ่อนแอและถ้อยแถลงประธาน Fed ที่พยายามลดความคาดหวังของนักลงทุนว่านโยบายการเงิน Fed จะกลับมาผ่อนคลายในระยะอันใกล้ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมา
📰 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สูงกว่าคาดแต่ตํ่ากว่ารอบก่อน (217k vs 215k vs 220k) ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างสะสมสูงกว่าคาดและรอบก่อน (1,834k vs 1,820k vs 1,812k) สะท้อนภาพตลาดแรงงานชะลอตัวลง
📰 ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี bid-to-cover ตํ่าสุดในรอบ 2 ปีและอัตราผลตอบแทนสูงสุดจากการประมูลสูงว่าตลาดอยู่ถึง 5 bps ถือว่าอยู่ในโซนสูงในรอบ 10 ปี สะท้อนถึงความต้องการพันธบัตรช่วงอายุ 30 ปีที่อ่อนแอและไม่สอดคล้องกับผลการประมูล 2 รอบก่อนหน้า(อายุ 3 ปีและอายุ 10 ปี) ที่ยังสะท้อนความต้องการที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ US Bond Yield อายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นราว 15 bps สู่ระดับ 4.76%
📰 ถ้อยแถลงของประธาน Fed ในงานสัมนาที่จัดโดย IMF มีใจความสำคัญว่ายังให้ความสำคัญในการคุมเงินเฟ้อเป็นหลัก โดยกำลังประเมินว่าระดับดอกเบี้ยปัจจุบันสูงมากพอหรือยังและต้องตรึงระดับดอกเบี้ยสูงยาวนานเพียงใดในการคุมเงินเฟ้อให้บรรลุเป้าหมายที่ 2%
⏭️ เรามองตลาดหุ้นสหรัฐฯ สมควรปรับตัวลงมาบ้างหลังดัชนี S&P500 ปรับตัวบวก 8 วันติดต่อกัน แม้ท่าทีของประธาน Fed ค่อนข้าง Hawkish แต่เราเชื่อว่าสุดท้าย Fed ยังไม่ได้มีธงในใจในการดำเนินนโยบายการเงินล่วงหน้า แต่จะพิจารณาจากข้อมูลเป็นสำคัญ (data dependent) แนะนำติดตามตัวเลขสำคัญในสัปดาห์หน้าได้แก่ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI & Core CPI) หากออกมาตามคาดหรือตํ่ากว่าคาดมีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะกลับมาฟื้นตัว
📰 ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปรับตัวบวกลบสลับกันไป ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับบวกนำภูมิภาครับปัจจัยหนุนจากท่าที Dovish ของประธาน BOJ ที่กล่าวว่าจะไม่รีบเร่งในการกลับมาดำเนินนโยบายการเงินปกติเพราะหากเงินเฟ้อกลับไปตํ่ากว่าเป้าหมายจะแก้ไขได้ยากกว่า
📰 รายงานเงินเฟ้อ (CPI) เดือนต.ค. ของจีนออกมาหดตัวตํ่ากว่าคาดและเดือนก่อนทั้งเทียบรายเดือนและรายปี (-0.1% vs 0.0% vs 0.2%MoM, -0.2% vs -0.1% vs 0.0%YoY)
⏭️ รายงานข้างต้นสะท้อนถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจจีนอาจฟื้นตัวช้าและแนวโน้มเข้าสู่สภาวะเงินฝืด แต่ตลาดหุ้นจีนไม่ได้รับรู้ในเชิงลบมากนักและอาจเป็นการเพิ่มความหวังของนักลงทุนว่าทางการจีนจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในฝั่งการบริโภคหรือไม่ ซึ่งหากมีมาตรการเพิ่มเติมก็จะเป็นข่าวดีหนุนตลาดหุ้นจีนในระยะข้างหน้า
🔰 Outlook & Implication
✅️ สถิติในอดีต 10 ปีย้อนหลัง ของดัชนี S&P500 ไม่เคยปรับตัวติดลบ 4 เดือนติดต่อกัน ซึ่งรอบปัจจุบัน S&P500 ปรับตัวลงมา 3 เดือนติดแล้ว (ส.ค./ก.ย./ต.ค.) จึงคาดหวังการฟื้นตัวขึ้นในเดือนพ.ย. ถ้าปัจจัยมหภาคเริ่มผ่อนคลาย
✅️ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงปานกลาง-สูงแนะนำลงทุนกองทุนตราสารหนี้โลก SCBINCA ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มักปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลัง Fed จบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น, อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีและสำหรับกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะยามที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า
✅️ สำหรับนักลงทุนที่รับความผันผวนสูงระยะสั้นได้และคาดหวังการฟื้นตัวหากปัจจัยกดดันมหภาคเริ่มคลี่คลายขึ้นแนะนำกลุ่มหุ้นคุณภาพสูงที่คาดว่าจะสามารถทนทานในสภาวะดอกเบี้ยสูงได้ดีกว่าตลาดได้แก่ SCBGQUAL, SCBNDQ และ SCBPGF
✅️ ตลาดหุ้นเวียดนามน่าสนใจในมุมระดับมูลค่าถูกเมื่อเทียบตัวเองในอดีตและภูมิภาค ขณะที่เศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง หากประเด็นความกังวลเรื่องสภาพคล่องของ Vingroup ไม่ขยายวงและค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่า เราคาดหวังการฟื้นตัวต่อตามตลาดหุ้นโลกแนะนำลงทุนกองทุน SCBVIET โดยดัชนี VN index ที่ตํ่ากว่า 1,100 จุดเป็นระดับที่น่าสะสมแบ่งไม้ลงทุน
แหล่งที่มา : SCBAM
แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก