Morning Update by SCBAM (18/2/25)
Market update
Major Equity Indices: STOXX600+0.54%, Nikkei225+0.06%, HSCEI-0.09%, CSI300+0.21%, KOSPI+0.75%, NIFTY+0.13%, SET-1.23%, VNINDEX-0.26%, TH Reits-0.14%, SG Reits+0.71%, Global REITs-0.64%
WTI $71.39/bbl (+0.9%), Gold 2,896.56/oz (+0.5%)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ เนื่องในวันประธานาธิบดี ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการทหารและอาวุธ หลังจากสหรัฐฯเรียกร้องให้ยุโรปเพิ่มการสนับสนุนยูเครน เพื่อสร้างข้อตกลงยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ยุโรปจะต้องเพิ่มงบกลาโหมมากขึ้น
ปธน.ทรัมป์เตรียมลงนามคำสั่งบริหารในการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ใหม่ โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในวันที่ 2 เม.ย. เพื่อเป็นการกดดันให้บริษัทต่างๆย้ายการผลิตมาที่สหรัฐฯและสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าขึ้นใหม่ ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขต หรือ อัตราภาษีรถยนต์ที่จะเรียกเก็บใหม่
ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานปิดบวกลบสลับกัน โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง จากแรงขายของหุ้นใหญ่จากปัจจัยเฉพาะตัว
GDP4Q24 เบื้องต้นของญี่ปุ่น ขยายตัว 2.8%YoY สูงกว่าคาดที่ 1.1%YoY หนุนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว
️ GDP ที่ขยายตัวดีกว่าคาดอย่างมาก และเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสให้ BOJ มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น กดดันตลาดหุ้นญี่ปุ่น เราจึงยังคงมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น คาดแกว่งตัวในกรอบ 38,000-40,000 จุด
ปธน.สีจิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมกับผู้บริหารบริษัทเอกชนชั้นนำ เช่น Alibaba, DeepSeek, Meituan, Huawei, Xiaomi โดยกล่าวว่ารัฐบาลจีนควรส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานให้ธุรกิจทุกประเภทเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม และเร่งแก้ปัญหาการเข้าถึงเงินทุนสำหรับบริษัทเอกชน ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าทางการจีนน่าจะให้การสนับสนุนบริษัทเอกชนมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมามีมาตรการควบคุมที่ค่อนข้างเข้มงวด
️ การพบปะผู้บริหารภาคธุรกิจจีนของปธน.สีจิ้นผิง ช่วยสร้าง Sentiment เชิงบวกให้กับตลาดหุ้นจีน จากความคาดหวังว่าทางการจะมีมาตรการออกมาสนับสนุนภาคเอกชน และสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจมากขึ้น เราจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีจีน
GDP 4Q24 ของไทยขยายตัว 3.2%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.8%YoY โดยได้รับผลกระทบจากการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ และการลงทุนในภาคอสังหาฯที่ยังคงหดตัว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินจากความต้องการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ทั้งนี้สภาพัฒน์คาดการณ์ GDP ในปีนี้จะขยายตัวที่ 2.8% ซึ่งได้รวมผลของมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท และความเสี่ยงของนโยบายกีดกันทางการค้าแล้ว ซึ่งจะเห็นว่าการเติบโตของ GDP ไทยในปีนี้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศอื่นในอาเซียน
Outlook & Implication
ตลาดหุ้นโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ หลังตลาดเริ่มคลายกังวลในเรื่องภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่มีการเลื่อนออกไป รวมทั้งตลาดหุ้นจีนมีลุ้นโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโลกโดยรวม หลังโมเมนตัมด้านราคาค่อนข้างแข็งแกร่งจากการมาของ DeepSeek แนะนำติดตามการรายงานงบ 4Q24 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนโดยสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศงบของหุ้น Baidu, Alibaba, NetEase ซึ่งหากออกมาดีกว่าคาด จะช่วยหนุนกลุ่มหุ้น Tech จีนปรับขึ้นต่อ
แนะนำทยอยสะสมกองทุนแนะนำในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนหรือปรับตัวลงจากข่าวร้าย
SCBS&P500/ SCBNDQA/ SCBDJI/ SCBUSA (Accumulate Buy) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมคาดว่าจะปรับตัวโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโลก จากนโยบาย Pro-growth Policies ของ Trump, Policy Normalization ของ Fed และ Productivity & Profit ของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ที่เติบโตดีต่อเนื่อง
SCBRS2000/ SCBUSSM (Accumulate Buy) กลุ่มหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ คาดฟื้นตัวเด่นจากพื้นฐานที่ดีขึ้นและนโยบายปรับลด Corporate Tax ของ Trump หากเกิดขึ้นจะช่วยหนุนกลุ่มหุ้นขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ
แหล่งที่มา : SCBAM
แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก