📍Morning Update by SCBAM (27/11/24) 📍
– Major Equity Indices: S&P500+0.57%, NASDAQ+0.63%, Russell2000-0.73% STOXX600-0.57%, Nikkei225-0.87%, HSCEI-0.16%, CSI300-0.21%, KOSPI-0.55%, NIFTY-0.11%, SET-0.35%, VNINDEX+0.60%, TH Reits+0.46%, SG Reits-0.33%, Global REITs-0.75%
– Sector Return: Utilities-XLU(+1.59%), Health Care-XLV(+0.54%), Technology-XLK(+0.50%), Real Estate-XLRE(+0.49%), Energy-XLE(-0.14%), Materials-XLB(-0.75%)
– USBY2Y 4.26%, USBY10Y 4.31%, WTI $68.77/bbl (-0.2%), Gold 2,633.15/oz (+0.3%), DXY 106.89
🗒️ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี่ หลังนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าที่เข้มงวด โดยมองว่าอาจเป็นเพียงยุทธวิธีต่อรอง ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการรายงานเงินเฟ้อ PCE คืนนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยในอนาคต
🗒️ รายงานประชุม Fed ระบุว่า คณะกรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวและเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสม (Neutral Rate) ทำให้ยังต้องเน้นการดำเนินนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยบางส่วนเสนอให้ชะลอการลดดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อยังสูง ขณะที่บางส่วนเห็นว่าควรเร่งการลดดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจหรือตลาดแรงงานอ่อนแอลง
🗒️ อิสราเอลและกลุ่ม Hezbollah ตกลงที่จะหยุดยิง เพื่อยุติการสู้รบข้ามพรมแดนระหว่างอิสราเอลและเลบานอน
⏩ การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่ม Hezbollah ช่วยลดความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค หนุนเสถียรภาพต่อตลาดน้ำมันและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ขณะที่ราคาทองคำอาจเผชิญแรงกดดันจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ลดลง ทั้งนี้ การติดตามความคืบหน้าของข้อตกลงยังคงสำคัญต่อการประเมินผลกระทบในระยะยาว
🗒️ ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ลดลงสู่ระดับ 610,000 ยูนิต ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 725,000 ยูนิต และเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่อาจชะลอตัวลง รวมถึงผลกระทบจากพายุเฮอริเคน
🗒️ ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง หลังว่าที่ ปธน. Donald Trump ประกาศแผนการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มเติม โดยเพิ่มอัตรา 10% สำหรับสินค้าจีน และ 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกและกดดันความเชื่อมั่นนักลงทุน
🗒️ กระทรวงพาณิชย์เผยยอดส่งออกไทยเดือน ต.ค. ขยายตัว 14.6% YoY เป็น 2.7 หมื่นล้านเหรียญฯ ขณะที่ยอดส่งออก 10 เดือนแรกอยู่ที่ 2.5 แสนล้านเหรียญฯ โต 4.9% YoY พร้อมปรับเป้าทั้งปีเป็นขยายตัว 4%
⏩ แนวโน้มการส่งออกของไทยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตในสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล ขณะเดียวกัน ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในคู่ค้าหลัก ยังช่วยสนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกไทยในระยะยาวอีกด้วย
🔰 Outlook & Implication
🎯 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวในวงกว้างมากขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายการคลังและความเสี่ยงจากตะวันออกกลางที่คลี่คลายลง ขณะที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นจังหวะที่เหมาะสมสำหรับการทยอยสะสมกองทุนที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว ดังนั้น เป็นโอกาสทยอยสะสมกองทุนแนะนำดังนี้
✅ SCBS&P500/ SCBNDQA/ SCBDJI/ SCBUSA (Accumulate Buy) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับตัวโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นโลกโดยรวม จากนโยบายของ Trump ที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ เป็นหลัก
✅ SCBRS2000/ SCBUSSM (Accumulate Buy) กลุ่มหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ คาดฟื้นตัวเด่นจากพื้นฐานที่ดีขึ้นและนโยบายปรับลด Corporate Tax ของ Trump หากเกิดขึ้นจะช่วยหนุนกลุ่มหุ้นขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ ประกอบกับสถิติเชิงฤดูกาลและหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ มักปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดรวม
✅ SCBGOLD (Accumulate Buy) ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนระยะกลาง-ยาว ทองคำมีโอกาสปรับขึ้นจากฐานะการคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงในระยะยาว รวมถึง เงินเฟ้อมีโอกาสปรับขึ้นจากนโยบายกระตุ้นของ Trump
แหล่งที่มา : SCBAM
แหล่งข้อมูล : บล.เว็ลธ์ เมจิก